"Will the blight end the chestnut? The farmers rather guess not. It keeps smouldering at the roots And sending up new shoots Till another parasite Shall come to end the blight."
"โรคใบลีบจะเป็นจุดจบของเกาลัดไหม ชาวนาสงสัยว่าจะไม่ จากส่วนรากรอยไหม้ลามไล่ ถึงส่วนยอดมันขยายขึ้นไป จนอีกหนึ่งปรสิตเข้ามา แล้วไซร้ นั่นล่ะจุดจบของมัน"
At the beginning of the 20th century, the eastern American chestnut population, counting nearly four billion trees, was completely decimated by a fungal infection. Fungi are the most destructive pathogens of plants, including crops of major economic importance. Can you imagine that today, crop losses associated with fungal infection are estimated at billions of dollars per year, worldwide? That represents enough food calories to feed half a billion people. And this leads to severe repercussions, including episodes of famine in developing countries, large reduction of income for farmers and distributors, high prices for consumers and risk of exposure to mycotoxin, poison produced by fungi.
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ประชากรเกาลัดในอเมริกาตะวันออก ที่มีอยู่เกือบสี่พันล้านต้น ถูกทำลายอย่างยับเยิน จากการติดเชื้อรา ราเป็นเชื้อก่อโรคที่ทำลายล้างพืชมากที่สุด รวมถึงพืชไร่หลักที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ คุณลองนึกดูสิคะว่า ทุกวันนี้ พืชไร่ที่สูญเสียไปจากการติดเชื้อรา คิดเป็นความเสียหายประมาณพันล้านดอลล่าร์ ต่อปีทั่วโลก นั่นคือปริมาณแคลอรี่จากอาหาร ที่เพียงพอต่อการเลี้ยงคนห้าร้อยล้านคน และนั่นนำไปสู่ผลกระทบที่รุนแรง ที่รวมถึงอุบัติการณ์ความอดอยาก ในประเทศที่กำลังพัฒนา การลดลงอย่างมากของรายได้ ของเกษตรกรและผู้ค้า ภาระราคาสูงที่ผู้บริโภคต้องแบกรับ และความเสี่ยงต่อการสัมผัสกับไมโคท๊อกซิน ซึ่งคือสารพิษที่ถูกผลิตโดยเชื้อรา
The problems that we face is that the current method used to prevent and treat those dreadful diseases, such as genetic control, exploiting natural sources of resistance, crop rotation or seed treatment, among others, are still limited or ephemeral. They have to be constantly renewed. Therefore, we urgently need to develop more efficient strategies and for this, research is required to identify biological mechanisms that can be targeted by novel antifungal treatments.
ปัญหาที่เราเผชิญอยู่นี้ ก็คือวิธีการในปัจจุบันที่ใช้สำหรับ ป้องกันและรักษา โรคร้ายเหล่านั้น ดังเช่น การควบคุมทางพันธุกรรม การค้นหาแหล่งทางธรรมชาติที่จะต้านทางโรค การปลูกพืชหมุนเวียน หรือวิธีการดูแลรักษาเมล็ดพันธุ์ เป็นต้น ยังคงมีข้อจำกัด หรือใช้ได้เพียงชั่วคราว พวกมันจะต้องถูกทำซ้ำอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น เราจึงต้องการการพัฒนายุทธวิธี ที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ และด้วยเหตุนี้ การวิจัยจำเป็น ต่อการระบุกลไกทางชีวภาพ ที่จะสามารถกำหนดเป้าหมาย โดยการปฏิบัติป้องกันต้านเชื้อราแบบใหม่
One feature of fungi is that they cannot move and only grow by extension to form a sophisticated network, the mycelium. In 1884, Anton de Bary, the father of plant pathology, was the first to presume that fungi are guided by signals sent out from the host plant, meaning a plant upon which it can lodge and subsist, so signals act as a lighthouse for fungi to locate, grow toward, reach and finally invade and colonize a plant. He knew that the identification of such signals would unlock a great knowledge that then serves to elaborate strategy to block the interaction between the fungus and the plant. However, the lack of an appropriate method at that moment prevented him from identifying this mechanism at the molecular level.
ลักษณะหนึ่งของราก็คือ พวกมันไม่สามารเคลื่อนที่ได้ และเติบโตโดยการยืดยาวออกไป เป็นเครือข่ายที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นเท่านั้น ซึ่งส่วนนั้นเรียกว่า ไมซีเลียม ในปี ค.ศ. 1884 แอนตัน เดอร์ บารี บิดาแห่งวิชาพยาธิวิทยาของพืช เป็นบุคคลแรกที่คาดว่า ราถูกกำหนดทิศทางโดยสัญญาณต่าง ๆ ที่ถูกส่งออกมาจากพืชที่เป็นเจ้าบ้าน ซึ่งหมายถึงพืชที่มันจะสามารถฝังตัว และอาศัยอยู่ต่อไปได้ ฉะนั้น สัญญาณนี้จึงทำหน้าที่เสมือนประภาคาร สำหรับราเพื่อกำหนดตำแหน่ง เติบโตไปในทิศทางนั้น คืบขยายไปใกล้ และรุกเข้าไปเพื่อยึดพืชต้นนั้นในที่สุด เขารู้ว่าการระบุสัญญาณดังกล่าวนี้ อาจเผยความรู้ที่ยิ่งใหญ่ ที่ต่อมาอาจช่วย เติมต่อรายละเอียดให้กับยุทธวิธี ในการสกัดกั้นปฏิสัมพันธ์ระหวา่งราและพืชได้ อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้น การขาดวิธีการที่เหมาะสม ได้ขัดขวางการระบุกลไกในระดับโมเลกุล
Using purification and mutational genomic approaches, as well as a technique allowing the measurement of directed hyphal growth, today I'm glad to tell you that after 130 years, my former team and I could finally identify such plant signals by studying the interaction between a pathogenic fungus called Fusarium oxysporum and one of its host plants, the tomato plant. As well, we could characterize the fungal receptor receiving those signals and part of the underlying reaction occurring within the fungus and leading to its direct growth toward the plant.
ด้วยวิธีการสกัดและทำให้บริสุทธิ์ และการทำให้จีโนมกลายพันธุ์ เช่นเดียวกันกับเทคนิค ที่ทำให้สามารถวัด การเติบโตของเส้นใยราได้โดยตรง วันนี้ ฉันดีใจเหลือเกินค่ะ ที่จะบอกคุณว่า หลังจาก 130 ปี ฉันและคณะทำงานคณะก่อนของฉัน สามารถที่จะระบุสัญญาณดังกล่าวได้ในที่สุด โดยการศึกษาปฏิสัมพันธ์ ระหว่างราที่เป็นเชื้อก่อโรค ที่เรียกว่า ฟูซาเรียม ออกซีสปอรัม และหนึ่งในพืชเจ้าบ้านของมัน ซึ่งก็คือต้นมะเชือเทศ เช่นเดัยวกัน เราสามารถบรรยายลักษณะ ของตัวรับของรา ที่ทำหน้าที่รับสัญญาณเหล่านี้ และส่วนของปฏิกิริยาในตำแหน่งที่ต่ำกว่า ที่เกิดขึ้นภายในรานี้ และที่นำไปสู่การเติบโตโดยตรง ไปยังต้นพืช
(Applause)
(เสียงปรบมือ)
Thank you.
ขอบคุณค่ะ
(Applause)
(เสียงปรบมือ)
The understanding of such molecular processes offers a panel of potential molecules that can be used to create novel antifungal treatments. And those treatments would disrupt the interaction between the fungus and the plant either by blocking the plant signal or the fungal reception system which receives those signals. Fungal infections have devastated agriculture crops. Moreover, we are now in an era where the demand of crop production is increasing significantly. And this is due to population growth, economic development, climate change and demand for bio fuels. Our understanding of the molecular mechanism of interaction between a fungus and its host plant, such as the tomato plant, potentially represents a major step towards developing more efficient strategy to combat plant fungal diseases and therefore solving of problems that affect people's lives, food security and economic growth.
ความเข้าใจกระบวนการระดับโมเลกุลนี้ เสนอโมเลกุลที่น่าจะมีศักยภาพหลายโมเลกุล ที่จะสามารถนำไปประยุกต์ เป็นการปฏิบัติป้องกันต้านเชื้อราแบบใหม่ได้ และการปฏิบัติป้องกันเหล่านั้นจะทำลาย ปฏิสัมพันธ์ระหว่างรากับพืช โดยการขัดขวางสัญญาณของพืช หรือระบบการรับสัญญาณของรา ซึ่งรับสัญญาณนั้น อย่างใดอย่างหนึ่ง การติดเชื้อราได้สร้างความเสียหาย แก่การกสิกรรมพืชไร่ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เราอยู่ในยุค ที่มีความต้องการในการผลิตพืชไร่ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และสิ่งนี้เอง เป็นผลเนื่องมาจาก การเติบโตของประชากร การพัฒนาทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพ ความเข้าใจของเราต่อกลไกระดับโมเลกุล ของปฏิสัมพันธ์ระหว่างเชื้อรา และพืชเจ้าบ้านของมัน ดังเช่น ต้นมะเขือเทศนี้ อาจจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา ยุทธวิธีที่มีประสิทธิภาพยื่งกว่า ในการต่อสู้กับโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ฉะนั้น นี่จึงเป็นการแก้ปัญหา ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คน ความยั่งยืนของแหล่งอาหาร และการเติบโตทางเศรษฐกิจ
Thank you.
ขอบคุณค่ะ
(Applause)
(เสียงปรบมือ)