Penelope Jagessar Chaffer: I was going to ask if there's a doctor in the house. No, I'm just joking. It's interesting, because it was six years ago when I was pregnant with my first child that I discovered that the most commonly used preservative in baby care products mimics estrogen when it gets into the human body. Now it's very easy actually to get a chemical compound from products into the human body through the skin. And these preservatives had been found in breast cancer tumors.
เพ็นเน๊เลอพี จาเกสซ่า แชฟเฟอร์: ฉันกำลังจะไปถามว่ามีแพทย์ในบ้าน ไม่หรอก ฉันแค่ล้อเล่น น่าสนใจนะ เพราะว่าเมื่อหกปีที่แล้ว เมื่อฉันตั้งท้องลูกคนแรก ฉันค้นพบพบว่า ยากันบูดที่ใช้กันทั่วไปส่วนมาก ในผลิตภัณฑ์สำหรับเลี้ยงดูทารก สโตรเจนเลียนแบบ เมื่อมันเข้าไปในร่างกายคน ปัจจุบัน จริงๆแล้วง่ายมาก ที่ได้รับสารประกอบทางเคมีจากผลิตภัณฑ์ เข้าสู่ร่างกายคนผ่านทางผิวหนัง สารกันบูดเหล่านี้ได้ถูกพบ ในมะเร็งเต้านม
That was the start of my journey to make this film, "Toxic Baby." And it doesn't take much time to discover some really astonishing statistics with this issue. One is that you and I all have between 30 to 50,000 chemicals in our bodies that our grandparents didn't have. And many of these chemicals are now linked to the skyrocketing incidents of chronic childhood disease that we're seeing across industrialized nations. I'll show you some statistics. So for example, in the United Kingdom, the incidence of childhood leukemia has risen by 20 percent just in a generation. Very similar statistic for childhood cancer in the U.S. In Canada, we're now looking at one in 10 Canadian children with asthma. That's a four-fold increase.
นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางของฉัน เพื่อสร้างภาพยนต์เรื่อง "ทารกเป็นพิษ" และมันไม่ได้ใช้เวลามากนัก ที่จะค้นพบสถิติที่น่าประหลาดใจจริงๆ เกี่ยวกับปัญหานี้ อย่างแรกคือ ทั้งคุณและฉัน มีสารเคมีอยู่ระหว่าง 30 ถึง 50,000 ชนิด ในร่างกายของเรา ที่ปู่ย่าตายายของเราไม่เคยมี สารเคมีต่างๆเหล่านี้จำนวนมาก ขณะนี้มีการเชื่อมโยงไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพรวด ของโรคในวัยเด็กเรื้อรัง ซึ่งเรากำลังเห็นอยู่ทั่วไปในประเทศอุตสาหกรรม ฉันจะแสดงสถิติบางอย่าง ตัวอย่างเช่น ในอังกฤษ อุบัติการณ์ของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในวัยเด็ก ได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 เพียงแค่หนึ่งช่วงอายุคน คล้ายกันมากกับสถิติโรคมะเร็งเด็กในอเมริกา ในแคนาดา, เรากำลังเห็นว่าเด็กหนึ่งใน10สิบคนเป็นโรคหอบหืด เป็นการเพิ่มขึ้นถึงสี่เท่าตัว
Again, similar story around the world. In the United States, probably the most astonishing statistic is a 600 percent increase in autism and autistic spectrum disorders and other learning disabilities. Again, we're seeing that trend across Europe, across North America. And in Europe, there's certain parts of Europe, where we're seeing a four-fold increase in certain genital birth defects. Interestingly, one of those birth defects has seen a 200 percent increase in the U.S. So a real skyrocketing of chronic childhood disease that includes other things like obesity and juvenile diabetes, premature puberty.
เช่นกัน, มีเรื่องแบบเดียวกันนี้รอบโลก ในอเมริกา, ซึ่งน่าจะเป็นสถิติที่ทำให้งงงวยที่สุด ได้แก่การเพิ่มขึ้นถึง 600 เปอร์เซ็นต์ ของโรคการเจริญของระบบประสาทผิดปกติ(autism) และความบกพร่องด้านสังคมและการสื่อสาร(autistic spectrum disorders) และการไร้ความสามารถในการเรียนรู้อื่นๆ เช่นกัน, เรากำลังเห็นแนวโน้มไปทางนั้น ทั่วทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ในยุโรป, มีบางส่วนของยุโรป, ที่ซึ่งเรากำลังเห็นการเพิ่มขึ้นถึงสี่เท่า ความบกพร่องเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์ตั้งแต่เกิด ที่น่าสนใจก็คือ หนึ่งในความบกพร่องเหล่านี้ พบว่าได้เพิ่มขึ้นถึง 200 เปอร์เซ็นในอเมริกา ดังนั้นการพุ่งสูงขึ้นจริง ของโรคเด็กเรื้อรัง ที่รวมโรคอื่นๆไว้ด้วย เช่น โรคอ้วน และ โรคเบาหวานของเด็ก, การเริ่มวัยหนุ่มสาวก่อนเวลาอันควร
So it's interesting for me, when I'm looking for someone who can really talk to me and talk to an audience about these things, that probably one of the most important people in the world who can discuss toxicity in babies is expert in frogs.
จึงน่าสนใจสำหรับฉัน, เมื่อฉันมองหาใครสักคนที่คุยกับฉันได้จริง และคุยกับผู้ชมเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้, ที่อาจจะเป็นคนที่สำคัญที่สุดในโลกคนหนึ่ง ที่สามารถถกปัญหาสารพิษในเด็กได้ เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องกบ
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
Tyrone Hayes: It was a surprise to me as well that I would be talking about pesticides, that I'd be talking about public health, because, in fact, I never thought I would do anything useful. (Laughter) Frogs. In fact, my involvement in the whole pesticide issue was sort of a surprise as well when I was approached by the largest chemical company in the world and they asked me if I would evaluate how atrazine affected amphibians, or my frogs. It turns out, atrazine is the largest selling product for the largest chemical company in the world. It's the number one contaminant of groundwater, drinking water, rain water. In 2003, after my studies, it was banned in the European Union, but in that same year, the United States EPA re-registered the compound.
ไทโรน เฮย์ส: เป็นเรื่องที่ผมแปลกใจเช่นกัน ว่าผมจะพูดเกี่ยวกับยาฆ่าแมลง, ที่ผมจะพูดเกี่ยวกับสุขอนามัยของสาธารณชน, เพราะว่า, จริงๆแล้ว, ผมไม่เคยคิดว่าจะทำอะไรที่มีประโยชน์ได้ (เสียงหัวเราะ) กบ จริงๆแล้ว, การเกี่ยวข้องของผม กับปัญหายาฆ่าแมลงทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ได้คิดมาก่อนเช่นกัน เมื่อผมได้ถูกทาบทาม โดยบริษัทเคมีภันฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขาถามผมว่า ผมจะประเมินได้หรือไม่ว่า อ๊าทราซีนมีผลกระทบต่อสัตว์ครึ่งบกครึ่งนํ้า, หรือกบของผมอย่างไร กลับกลายเป็นว่า, อ๊าทราซีนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายมากที่สุด สำหรับบริษัทเคมีที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ เป็นสารปนเปื้อนอันดับหนึ่ง ในนํ้าบาดาล, นํ้าดื่ม, นํ้าฝน ในปี 2003 หลังการวิจัยของผม, มันได้ถูกห้ามในสหภาพยุโรป, แต่ในปีเดียวกันนั้น, สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ ก็จดทะเบียนใหม่ให้สารเคมีนี้
We were a bit surprised when we found out that when we exposed frogs to very low levels of atrazine -- 0.1 parts per billion -- that it produced animals that look like this. These are the dissected gonads of an animal that has two testes, two ovaries, another large testis, more ovaries, which is not normal ... (Laughter) even for amphibians. In some cases, another species like the North American Leopard Frog showed that males exposed to atrazine grew eggs in their testes. And you can see these large, yolked-up eggs bursting through the surface of this male's testes. Now my wife tells me, and I'm sure Penelope can as well, that there's nothing more painful than childbirth -- which that I'll never experience, I can't really argue that -- but I would guess that a dozen chicken eggs in my testicle would probably be somewhere in the top five.
เรารู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างเมื่อเราพบว่า เมื่อเราพิสูจน์กบ ในระดับตํ่า--0.1ส่วน ต่อล้านส่วน-- พบว่ามันทำให้เกิดสัตว์ที่เป็นเหมือนอย่างนี้ พวกนี้คือ ต่อมบ่งเพศของสัตว์ตัวหนึ่งที่ถูกผ่าออก พบว่ามีอัณฑะสองลูก, มีสองรังไข่, มีอัณฑะใหญ่อีกอันหนึ่ง, มีรังไข่อีก ซึ่งไม่ปกติ... (เสียงหัวเราะ) แม้กับสัตว์ครึ่งบกครึ่งนํ้า ในบางราย,อีกสายพันธุ์หนึ่ง เช่นกบแล๊พเพิร์ดอเมริกาเหนือ (North American Leopard Frog) แสดงให้เห็น ตัวผู้ที่ได้รับสารอ๊าทราซีน มีไข่โตขึ้นในอัณฑะของมัน คุณสามารถเห็นไข่แดงใหญ่พวกนี้ได้ แตกออกทางผิวของอัณฑะของตัวผู้ตัวนี้ ภรรยาผมบอกผมว่า, และผมก็แน่ใจว่าพิเนเลอพีก็บอกได้เช่นกัน ว่าไม่มีอะไรที่จะเจ็บปวดไปมากกว่าการคลอดลูก-- ซึ่งผมไม่เคยประสบ, ผมจึงไม่สามารถโต้แย้งได้-- แต่ผมคาดเดาได้ว่าไข่ไก่หนึ่งโหลในถุงอัณฑะของผม อาจจะอยู่ในห้าอันดับต้น
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
In recent studies that we've published, we've shown that some of these animals when they're exposed to atrazine, some of the males grow up and completely become females. So these are actually two brothers consummating a relationship. And not only do these genetic males mate with other males, they actually have the capacity to lay eggs even though they're genetic males. What we proposed, and what we've now generated support for, is that what atrazine is doing is wreaking havoc causing a hormone imbalance. Normally the testes should make testosterone, the male hormone. But what atrazine does is it turns on an enzyme, the machinery if you will, aromatase, that converts testosterone into estrogen. And as a result, these exposed males lose their testosterone, they're chemically castrated, and they're subsequently feminized because now they're making the female hormone.
การวิจัยเร็วๆนี้ซึ่งเราได้ตีพิมพ์เผยแพร่แล้ว, เราได้แสดงให้เห็นว่า สัตว์เหล่านี้บางตัวเมื่อได้รับสารอ๊าทราซีน, ตัวผู้บางตัวโตขึ้น และกลายเป็นตัวเมียอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นพวกนี้จริงๆแล้วเป็นพี่ชายน้องชายกัน แต่มาผสมพันธุ์กัน และไม่เพียงตัวผู้ผสมพันธุ์กับตัวผู้ตัวอื่นเท่านั้น, พวกมันมีสมรรถภาพที่จะวางไข่ได้จริง แม้ว่ายีนในโครโมโซมจะเป็นตัวผู้ สิ่งที่เราได้เสนอแนะไปแล้ว, และสิ่งที่เราได้รับการสนับสนุนในปัจจุบัน, คือ บอกว่าสิ่งที่อ๊าทราซีนกำลังทำ คือความหายนะ ทำให้เกิดความไม่สมดุลย์ทางฮอร์โมน โดยปกติอัณฑะควรจะสร้างเทสทอสเทอโรน (testosterone) หรือฮอร์โมนเพศผู้ แต่สิ่งที่อ๊าทราซีนทำคือ ได้เปิดให้ตัวเอ็นไซม์ตัวหนึ่ง, ชื่อว่าอะโรมาทีส (aromatase) เป็นเครื่องมือ ที่เปลี่ยนเทสทอสเทอโรน (testosterone) ให้เป็นเอสโทรเจ้น (estrogen) ผลก็คือ, พวกตัวผู้ที่ได้รับสาร สูญเสียเทสทอสเทอโรนไป นั่นคือพวกมันถูกตอนด้วยสารเคมี, และในที่สุดมันก็ถูกทำให้เป็นเพศเมีย เพราะว่าตอนนี้มันกำลังสร้างฮอร์โมนเพศเมีย
Now this is what brought me to the human-related issues. Because it turns out that the number one cancer in women, breast cancer, is regulated by estrogen and by this enzyme aromatase. So when you develop a cancerous cell in your breast, aromatase converts androgens into estrogens, and that estrogen turns on or promotes the growth of that cancer so that it turns into a tumor and spreads. In fact, this aromatase is so important in breast cancer that the latest treatment for breast cancer is a chemical called letrozole, which blocks aromatase, blocks estrogen, so that if you developed a mutated cell, it doesn't grow into a tumor.
ตรงนี้แหละที่นำผมมาสู่ปัญหาที่เกี่ยวกับมนุษย์ เพราะว่ามันกลายเป็น ว่ามะเร็งอันดับหนึ่งในผู้หญิง, ก็คือมะเร็งเต้านม, ถูกควบคุมโดยเอสโทรเจน และโดยตัวเอ็นไซม์อะโรมาทีส (aromatase) ดังนั้นเมื่อเกิดมีเซลล์มะเร็งขึ้นในเต้านมคุณ, อะโรมาทีสจะเปลี่ยนแอนโดรเจนไปเป็นเอสโทรเจน, และเอสโทรเจนนั้นก็เปิด หรือส่งเสริม การเติบโตของมะเร็งนั้น เพื่อให้มันกลายเป็นก้อนเนื้อและขยายออกไป จริงๆแล้ว อะโรมาทีสนี้สำคัญมากในมะเร็งเต้านม จนกระทั่งการรักษามะเร็งเต้านมล่าสุด เป็นการใช้ สารเคมี ที่เรียกว่า เล๊โทรโซล์ ซึ่งสกัดกั้นอะโรมาทีส, สกัดกั้นเอสโทรเจ้น เพื่อว่าหากคุณมีเซลล์ที่ถูกทำให้เปลี่ยนไป มันก็จะไม่โตขึ้นเป็นเนื้องอก
Now what's interesting is, of course, that we're still using 80 million pounds of atrazine, the number one contaminant in drinking water, that does the opposite -- turns on aromatase, increases estrogen and promotes tumors in rats and is associated with tumors, breast cancer, in humans. What's interesting is, in fact, the same company that sold us 80 million pounds of atrazine, the breast cancer promoter, now sells us the blocker -- the exact same company. And so I find it interesting that instead of treating this disease by preventing exposure to the chemicals that promote it, we simply respond by putting more chemicals into the environment.
แต่ที่น่าสนใจในขณะนี้ก็คือ, แน่นอน, เรากำลังใช้อ๊าทราซีนถึง 80 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นตัวปนเปื้อนอันดับหนึ่งในนํ้าดื่ม, ซึ่งปฏิบัติการตรงกันข้าม-- คือเปิดอะโรมาทีส, ทำให้เอสโทรเจ้นเพิ่มขึ้น และส่งเสริมให้เกิดเนื้องอกในหนู และเกี่ยวเนื่องกับเนื้องอก, มะเร็งเต้านม, ในคน สิ่งที่น่าสนใจก็คือ,ตามความป็นจริง, บริษัทเดียวกันที่ขายอ๊าทราซีน 80 ล้านปอนด์ให้เรานั้น หรือเป็นบริษัทที่ส่งเสริมมะเร็งเต้านมนั้น, ปัจจุบันขายตัวยาสกัดกั้น--บริษัทเดียวกันเลย ผมจึงเห็นว่าน่าสนใจ ว่าแทนที่จะรักษาโรค ด้วยการป้องกันการได้รับสารเคมีที่ทำให้เกิดโรค, เราแก้ปัญหาอย่างง่ายๆ ด้วยการนำสารเคมีมาเพิ่มมากขึ้นในสิ่งแวดล้อม
PJC: So speaking of estrogen, one of the other compounds that Tyrone talks about in the film is something called bisphenol A, BPA, which has been in the news recently. It's a plasticizer. It's a compound that's found in polycarbonate plastic, which is what baby bottles are made out of. And what's interesting about BPA is that it's such a potent estrogen that it was actually once considered for use as a synthetic estrogen in hormone placement therapy. And there have been many, many, many studies that have shown that BPA leaches from babies' bottles into the formula, into the milk, and therefore into the babies. So we're dosing our babies, our newborns, our infants, with a synthetic estrogen.
พีเน๊เลอพี: เมื่อพูดถึงเอสโทรเจน, สารเคมีอีกตัวหนึ่ง ที่ไทโรนพูดถึงในภาพยนต์นั้น คือ สิ่งที่เรียกว่า บิสฟีนอล เอ (bisphenol A), หรือ บีพีเอ (BPA) ซึ่งได้ตกเป็นข่าวเมื่อเร็วๆนี้ มันเป็นสารที่ใช้ใส่ในการผลิตพลาสติค (plasticizer) เป็นสารประกอบที่พบได้ในพลาสติกคุณภาพสูง, ซึ่งเป็นพลาสติกที่ใช้ทำขวดนมเด็ก และสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ BPA ก็คือ มันเป็นเอสโทรเจ้นฤทธิ์แรง ที่จริงๆแล้วครั้งหนึ่งถูกพิจารณานำมาใช้ เป็นเอสโทรเจนสังเคราะห์ ในการรักษาเพื่อทดแทนฮอร์โมน ได้มีการวิจัยมากต่อมากๆๆ ที่แสดงให้เห็นว่า นํ้าได้ชะเอา BPA จากขวดนม เข้าไปในนม แล้วจึงเข้าไปในเด็ก เราจึงกำลังให้ยาพิษกับทารกของเรา, เด็กที่เกิดใหม่, เด็กทารกของเรา ด้วยเอสโทรเจ้นสังเคราะห์
Now two weeks ago or so, the European Union passed a law banning the use of BPA in babies' bottles and sippy cups. And for those of you who are not parents, sippy cups are those little plastic things that your child graduates to after using bottles. But just two weeks before that, the U.S. Senate refused to even debate the banning of BPA in babies' bottles and sippy cups. So it really makes you realize the onus on parents to have to look at this and regulate this and police this in their own lives and how astonishing that is.
เมื่อสองสัปดาห์ก่อน หรือประมาณนั้น ประชาคมยุโรปได้ผ่านกฎหมาย ห้ามการใช้สาร BPA ในขวดนมเด็กและถ้วยจิบ (sippy cup) และสำหรับท่านทั้งหลายที่ไม่ได้เป็นพ่อแม่ ถ้วยจิบเป็นถ้วยชิ้นเล็กๆที่ทำจากพลาสติก ที่ลูกของคุณโตขึ้นและเลิกใช้ขวดนมแล้ว แต่แค่เพียงสองสัปดาห์ก่อนหน้านั้น, สภาสูงของสหรัฐปฏิเสธแม้เพียงแต่จะอภิปราย การห้ามใช้สาร BPA ในขวดนมเด็กและถ้วยจิบ ดังนั้นจึงทำให้คุณตระหนักได้อย่างจริงจัง ถึงภาระของพ่อแม่ ที่จะต้องดู วางระเบียบและควบคุมเรื่องนี้ ในชีวิตของตนเอง และนั่นเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก
(Video) PJC: With many plastic baby bottles now proven to leak the chemical bisphenol A, it really shows how sometimes it is only a parent's awareness that stands between chemicals and our children. The baby bottle scenario proves that we can prevent unnecessary exposure. However, if we parents are unaware, we are leaving our children to fend for themselves.
(วีดีโอ)พีเน๊เลอพี: พร้อมกับขวดนมพลาสติกจำนวนมาก ถูกพิสูจน์แล้วว่ามีการรั่วซึมของสารบิสฟีนอล เอ, จริงๆแล้วมันแสดงให้เห็นว่า บางทีเพียงความรู้ของพ่อแม่เท่านั้น ที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างสารเคมี และลูกของเรา เรื่องของขวดนมเด็กพิสูจน์ให้เห็นว่า เราสามารถป้องกันการได้รับสารเคมีอย่างไม่จำเป็นได้ อย่างไรก็ตาม, ถ้าเราผู้เป็นพ่อแม่ไม่รู้, เรากำลังทิ้งให้ลูกของเรา ต้องปกป้องตนเอง
TH: And what Penelope says here is even more true. For those of you who don't know, we're in the middle of the sixth mass extinction. Scientists agree now. We are losing species from the Earth faster than the dinosaurs disappeared, and leading that loss are amphibians. 80 percent of all amphibians are threatened and in come decline. And I believe, many scientists believe that pesticides are an important part of that decline. In part, amphibians are good indicators and more sensitive because they don't have protection from contaminants in the water -- no eggshells, no membranes and no placenta. In fact, our invention -- by "our" I mean we mammals -- one of our big inventions was the placenta. But we also start out as aquatic organisms.
ไทโรน: และสิ่งที่พีเน๊ลิพีพูดที่นี่ เป็นมากกว่าจริงเสียอีก สำหรับท่านที่ไม่รู้, เราอยู่ในช่วงกลางของการสูญสิ้นชาติพันธุ์ครั้งที่หก นักวิทยาศาสตร์เห็นพ้องกันในปัจจุบัน เรากำลังสูญเสียสายพันธุ์ต่างๆไปจากโลก เร็วกว่าเมื่อครั้งไดโนเสาสูญพันธุ์ไป, และนำหน้าในการสูญเสียนี้คือ สัตว์ครึ่งบกครึ่งนํ้า ร้อยละ 80ของสัตว์ครึ่งบกครึ่งนํ้าทั้งหมด ถูกคุกคาม และลดลงเรื่อยๆ และผมเชื่อว่า, นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่า ยาฆ่าแมลงเป็นส่วนสำคัญของการลดลงนี้ ส่วนหนึ่ง,สัตว์ครึ่งบกครึ่งนํ้าเป็นตัวชี้วัดที่ดีและไวกว่า เพราะมันไม่มีสิ่งป้องกันจากสิ่งเจือปนในนํ้า-- ไม่มีเปลือกไข่, ไม่มีเยื่อ และไม่มี "รก" ความจริง,สิ่งประดิษฐ์ของเรา -- "โดยของเรา" ผมหมายถึงเราสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม-- หนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ของเราคือ รก แต่เรายังเริ่มต้นเหมือนกับสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล
But it turns out that this ancient structure that separates us from other animals, the placenta, cannot evolve or adapt fast enough because of the rate that we're generating new chemicals that it's never seen before. The evidence of that is that studies in rats, again with atrazine, show that the hormone imbalance atrazine generates causes abortion. Because maintaining a pregnancy is dependent on hormones.
แต่กลายเป็นว่าโครงสร้างโปราณนี้ ซึ่งแยกเราออกจากสัตว์อื่นๆ, คือ รก, ไม่สามารถวิวัฒน์ หรือปรับตัวได้เร็วทัน เพราะว่าอัตราที่เราพัฒนาสารเคมีใหม่ๆขึ้นมา ซึ่งมันไม่เคยพบเห็นมาก่อน หลักฐานที่ว่าก็คือ การศึกษาวิจัยในหนู,ใช้อ๊าทราซีนเช่นเคย, แสดงให้เห็นว่าอ๊าทราซีน ทำให้เกิดความไม่สมดุลย์ทางฮอร์โมน เป็นสาเหตุของการแท้งลูก เพราะว่าการดำรงค์อยู่ของครรภ์ ขึ้นอยู่กับฮอร์โมน
Of those rats that don't abort, atrazine causes prostate disease in the pups so the sons are born with an old man's disease. Of those that don't abort, atrazine causes impaired mammary, or breast, development in the exposed daughters in utero, so that their breast don't develop properly. And as a result, when those rats grow up, their pups experience retarded growth and development because they can't make enough milk to nourish their pups.
ส่วนหนูทดลองที่ไม่แท้งพวกนั้น อ๊าทราซีนทำให้เกิดโรคต่อมลูกหมาก ในลูกหนู ดังนั้นลูกชาย เกิดมาพร้อมกับโรคของชายแก่ สำหรับตัวที่ไม่แท้ง, อ๊าทราซินทำให้เกิดเต้านมพิการ, หรือ เต้านม, การพัฒนา ในลูกตัวเมียที่ถูกสารในครรภ์, เต้านมของมันจึงไม่ได้พัฒนาตามที่ควร และผลก็คือ, เมื่อหนูพวกนั้นโตขึ้น, ลูกของมันก็จะมีการเติบโตและพัฒนาการที่ช้า เพราะมันไม่สามารถสร้างนํ้านมได้พอที่จะเลี้ยงลูกของมัน
So the pup you see on the bottom is affected by atrazine that its grandmother was exposed to. And given the life of many of these chemicals, generations, years, dozens of years, that means that we right now are affecting the health of our grandchildren's grandchildren by things that we're putting into the environment today.
ดังนั้นลูกหนูที่คุณเห็นตรงด้านล่างเป็นผลจากอ๊าทราซีน ที่ยายของมันได้รับเข้าไป เมื่อพิจารณาอายุการใช้งาน ของสารเคมีจำพวกนี้หลายชนิด ชั่่วอายุคน,เป็นปีๆ,หลายต่อหลายๆปี, ซึ่งหมายความว่า ปัจจุบันนี้เรา กำลังทำให้เกิดผลร้ายทางสุขภาพ กับลูกหลานเหลนโหลนของเรา ด้วยสิ่งที่เรานำเข้าสู่สภาพแวดล้อมของเราในวันนี้
And this is not just philosophical, it's already known, that chemicals like diethylstilbestrol and estrogen, PCBs, DDT cross the placenta and effectively determine the likelihood of developing breast cancer and obesity and diabetes already when the baby's in the womb. In addition to that, after the baby's born, our other unique invention as mammals is that we nourish our offspring after they're born. We already know that chemicals like DDT and DES and atrazine can also pass over into milk, again, affecting our babies even after their born.
และนี่ไม่ใช่แค่เพียงความเชื่อทางทฤษฎี, เป็นที่รู้กันแล้ว ว่าสารเคมีเช่น ไดอะทิลสติลเบสโทรน (diethylstilbestrol) และ เอสโทรเจ้น(estrogen) สารพีซีบี(PCB) และ ดีดีที(DDT) ข้ามรกเข้าไป และกำหนดให้เกิด โอกาสในการเกิดมะเร็งเต้านม โรคอ้วนและเบาหวาน ได้แล้วขณะที่ทารกยังอยู่ในมดลูก นอกจากนี้แล้ว, หลังจากเด็กเกิด, สิ่งสร้างสรรค์อันเป็นเอกลักษณ์อีกอย่าง ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ก็คือ เราบำรุงเลี้ยงลูกของเราหลังจากเขาเกิดมา เรารู้แล้วว่าสารเคมีเหล่านั้น เช่น ดีดีที และ ดีอีเอส และอ๊าทราซีน ยังสามารถผ่านเข้าสู่นํ้านมของเรา, เช่นกัน, กระทบไปถึงลูกของเราด้วย แม้หลังจากที่เขาเกิดแล้ว
PJC: So when Tyrone tells me that the placenta is an ancient organ, I'm thinking, how do I demonstrate that? How do you show that? And it's interesting when you make a film like this, because you're stuck trying to visualize science that there's no visualization for. And I have to take a little bit of artistic license.
พีเน๊เลอพี: ดังนั้นเมื่อไทโรนบอกฉัน ว่ารกนั้น เป็นอวัยวะโบราณ, ฉันจึงคิดว่า, จะสาธิตให้เห็นอย่างนั้นได้อย่างไร? คุณแสดงสิ่งนั้นได้อย่างไร? น่าสนใจเมื่อคุณสร้างภาพยนต์แบบนี้, เพราะว่าคุณเกิดความยากลำบาก พยายามวาดภาพวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่มีภาพแสดงได้ ฉันจึงต้องใช้ความเป็นอิสระของศิลปิน เพื่อปรับเปลี่ยนเล็กน้อย
(Video) (Ringing) Old man: Placenta control. What is it? Oh what? (Snoring) (Honk) Puffuffuff, what? Perflourooctanoic acid. Blimey. Never heard of it. PJC: And neither had I actually before I started making this film. And so when you realize that chemicals can pass the placenta and go into your unborn child, it made me start to think, what would my fetus say to me? What would our unborn children say to us when they have an exposure that's happening everyday, day after day?
(วีดีโอ)(เสียงกริ่งดัง) ชายแก่: หน่วยควบคุมรก นั่นอะไร? โอ๊ย อะไร? (เสียงกรน) (เสียงแตรรถยนต์) พัฟฟัฟฟัฟ, อะไร? กรดเพอร์ฟลูโอโรอ๊อกทะโนอิค (perflourooctanoic) พระเจ้าช่วย ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย พิเน๊เลอพี: ฉันก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกันจริงๆ ก่อนที่ฉันจะเริ่มต้นสร้างภาพยนต์เรื่องนี้ ดังนั้นเมื่อฉันตระหนักว่าสารเคมีสามารถผ่านรกเข้าไปได้ และเข้าไปอยู่ในเด็กที่ยังไม่เกิด, มันทำให้ฉันเริ่มคิด ว่าลูกอ่อนของฉันในครรภ์จะพูดอะไรกับฉัน? ลูกของเราในท้องจะพูดอะไรกับเรา เมื่อพวกเขาได้รับสารพิษ สิ่งนั้นกำลังเกิดขึ้นทุกวี่ทุกวัน,วันแล้ววันเล่าใช่ไหม?
(Music)
(เสียงดนตรี)
(Video) Child: Today, I had some octyphenols, some artificial musks and some bisphenol A. Help me.
(วีดีโอ) เด็ก: วันนี้, ได้รับสารอ๊อกโทฟีนอล (octyphenol) สารกลิ่นแรงเทียม และได้สารบิสฟีนอล เอ ช่วยฉันด้วย
PJC: It's a very profound notion to know that we as women are at the vanguard of this. This is our issue, because we collect these compounds our entire life and then we end up dumping it and dumping them into our unborn children. We are in effect polluting our children. And this was something that was really brought home to me a year ago when I found out I was pregnant and the first scan revealed that my baby had a birth defect associated with exposure to estrogenic chemicals in the womb and the second scan revealed no heartbeat.
เพ๊นีเลอพี: มันเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมาก ที่รู้ว่าเราในฐานะที่เป็นผู้หญิง ที่เป็นแนวหน้าในเรื่องนี้ เรื่องนี้เป็นปัญหาของเรา, เพราะเรารวบรวมสารเคมีพวกนั้นไว้ตลอดชั่วชีวิตของเรา แล้วในที่สุดก็โล๊ะสิ่งพวกนั้น ไปให้กับลูกของเราที่อยู่ในท้อง ในความเป็นจริง เรากำลัง ทำให้เกิดมลพิษกับลูกของเรา และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันตระหนักถึงความร้ายแรงของมัน เมื่อปีที่แล้วนี้เอง เมื่อฉันพบว่า ฉันได้ตั้งท้อง และจากการตรวจสแกนครั้งแรกพบว่า ลูกในครรภ์ของฉันมีความบกพร่อง ที่เกี่ยวกับการได้รับ สารเคมีที่เลียนแบบเอสโทรเจ้นในมดลูก และการตรวจสแกนครั้งที่สอง เผยให้เห็นว่าไม่มีการเต้นของหัวใจ
So my child's death, my baby's death, really brought home the resonance of what I was trying to make in this film. And it's sometimes a weird place when the communicator becomes part of the story, which is not what you originally intend. And so when Tyrone talks about the fetus being trapped in a contaminated environment, this is my contaminated environment. This is my toxic baby. And that's something that's just profound and sad, but astonishing because so many of us don't actually know this.
ลูกฉันตาย, ลูกของฉันตาย, ดังนั้นฉันจึงเห็นความสำคัญของพลัง ของสิ่งที่ฉันพยายามสะท้อนให้เห็นในภาพยนต์นี้ บางครั้งมันเป็นเรื่องแปลก เมื่อผู้บรรยายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง, ซึ่งไม่ได้เป็นการตั้งใจตั้งแต่เริ่มแรก ดังนั้นเมื่อไทโรนพูดเรื่องเกี่ยวกับ ตัวอ่อนในครรภ์ติดกับดัก ในสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อน, นี่คือ สิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนของฉัน นี่คือทารกที่เป็นพิษของฉัน และนั่นเป็นสิ่งที่ ลึกซึ้งและเศร้าสร้อย, แต่น่าประหลาดใจ เพราะว่าพวกเราจำนวนมากเหลือเกินไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ
TH: One of this things that's exciting and appropriate for me to be here at TEDWomen is that, well, I think it was summed up best last night at dinner when someone said, "Turn to the man at your table and tell them, 'When the revolution starts, we've got your back.'" The truth is, women, you've had our back on this issue for a very long time, starting with Rachel Carson's "Silent Spring" to Theo Colborn's "Our Stolen Future" to Sandra Steingraber's books "Living Downstream" and "Having Faith." And perhaps it's the connection to our next generation -- like my wife and my beautiful daughter here about 13 years ago -- perhaps it's that connection that makes women activists in this particular area.
ไทโรน: สิ่งหนึ่งที่น่าตื่นเต้นและเหมาะสม สำหรับผมที่มาที่นี่ ที่TEDWomen ก็คือ ผมคิดว่า มันสรุปได้ดีที่สุดเมื่อคืนวาน ขณะรับประทานอาหารเย็น เมื่อคนหนึ่งพูดว่า, "หันไปที่ผู้ชายที่นั่งโต๊ะเดียวกับคุณและบอกเขาว่า, 'เมื่อการปฏิวัติเริ่มขึ้น,เราได้คุณกลับมา'" ความเป็นจริงก็คือ, ผู้หญิง, คุณไม่ได้เอาใจใส่กับปัญหานี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว, เริ่มตั้งแต่ ราเชล คาร์สัน (Rachel Carson) "ไซเล่นท์ สปริง (Silent Spring)" จนถึง ตีโอ โคลเบิร์น (Theo Colborn)เรื่อง "อาวเวอร์ สโตนเล่น ฟิวเจอร์ (Our Stolen Future)" จนถึง หนังสือของ ซานดรา สไตกราเบอร์(Sandra Steingraber) เรื่อง"ลีฟวิ่ง ดาวน์สตรีม (Living Downstream)" และ " แฮฟวิ่ง เฟท (Having Faith)" มันอาจจะเป็นการเชื่อมต่อกับคนรุ่นต่อไปของเราก็ได้-- เหมือนกับภริยาและลูกสาวคนสวยของผมนี่เมื่อ 13 ปีที่แล้ว-- บางทีมันเป็นการเชื่อมต่ออันนั้น ที่ทำให้ผู้หญิงเป็นนักรณรงค์ ในขอบข่ายเจาะจงนี้
But for the men here, I want to say it's not just women and children that are at risk. And the frogs that are exposed to atrazine, the testes are full of holes and spaces, because the hormone imbalance, instead of allowing sperm to be generated, such as in the testis here, the testicular tubules end up empty and fertility goes down by as much as 50 percent. It's not just my work in amphibians, but similar work has been shown in fish in Europe, holes in the testes and absence of sperm in reptiles in a group from South America and in rats, an absence of sperm in the testicular tubules as well. And of course, we don't do these experiments in humans, but just by coincidence, my colleague has shown that men who have low sperm count, low semen quality have significantly more atrazine in their urine.
แต่สำหรับผู้ชายที่อยู่ที่นี่, ผมอยากจะพูดว่า มันไม่ใช่แค่เพียงผู้หญิงและเด็กเท่านั้นที่อยู่ในภาวะเสี่ยง กบที่ได้รับสารอ๊าทราซิน, อัณฑะนั้นเต็มไปด้วยรูและที่ว่าง, เพราะการไม่สมดุลย์ของฮอร์โมน, แทนที่จะให้เชื้อสเปิร์มถูกสร้างขึ้นมา, เช่นอย่างในอัณฑะนี้, ปรากฎว่าท่ออัณฑะนั่นว่างเปล่า และความสามารถในการให้ลูกลดลงไปราว 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่แค่งานที่ผมทำกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งนํ้าเท่านั้น, ในยุโรป งานที่คล้ายคลึงกันได้แสดงถึงผลที่มีกับปลา, รูในอัณฑะ และการหายไปของสเปิร์มในสัตว์เลื้อยคลาน ในกลุ่มนักวิจัยจากอเมริกาใต้ และการขาดหายไปของสเปร์มในหนู ในท่ออัณฑะเช่นกัน และแน่นอน เราไม่ได้ทำการทดลองนี้กับคน, แต่แค่เพียงโดยบังเอิญ, เพื่อนร่วมงานของผมได้แสดงให้เห็น ว่าผู้ชายที่มีจำนวนเชื้อตํ่า, คุณภาพของนํ้าอสุจิตํ่า มีปริมาณอ๊าทราซีนในปัสสาวะมากอย่างมีนัยสำคัญ
These are just men who live in an agricultural community. Men who actually work in agriculture have much higher levels of atrazine. And the men who actually apply atrazine have even more atrazine in their urine, up to levels that are 24,000 times what we know to be active are present in the urine of these men. Of course, most of them, 90 percent are Mexican, Mexican-American. And it's not just atrazine they're exposed to. They're exposed to chemicals like chloropicrin, which was originally used as a nerve gas. And many of these workers have life expectancies of only 50.
ผู้ชายเหล่านี้เพียงแค่อาศัยอยู่ ในชุมชนกสิกรรมแห่งหนึ่ง ผู้ชายที่ทำงานทางเกษตรกรรมจริงๆ มีระดับของอ๊าทราซีนสูงกว่านี้มาก และผู้ชายที่ใช้อ๊าทราซีนจริงๆ มีอ๊าทราซีนมากกว่านี้อีกในปัสสวะ, ขึ้นถึงระดับ 24,000 เท่าของที่เราทราบว่าเป็นอันตรายได้ อยู่ในปัสสาวะของผู้ชายเหล่านี้ แน่นอนว่า ชายเหล่านี้ส่วนมาก ถึง 90 เปอร์เซ้นต์เป็นคนเม็กซิกัน,เม็กซิกันอเมริกัน และไม่เพียงแค่อ๊าทราซินที่เขาได้รับเข้าไป พวกเขาได้รับสารเคมีเช่น คลอโรพิคริน (chloropicrin) ซึ่งเริ่มแรก ได้ถูกใช้เป็นแก๊สประสาท และพวกคนงานเหล่านี้หลายคน มีความคาดหมายที่จะมีชีวิตอยู่แค่เพียง 50 ปี
It shouldn't come to any surprise that the things that happen in wildlife are also a warning to us, just like Rachel Carson and others have warned. As evident in this slide from Lake Nabugabo in Uganda, the agricultural runoff from this crop, which goes into these buckets, is the sole source of drinking, cooking and bathing water for this village. Now if I told the men in this village that the frogs have pour immune function and eggs developing in their testes, the connection between environmental health and public health would be clear. You would not drink water that you knew was having this kind of impact on the wildlife that lived in it. The problem is, in my village, Oakland, in most of our villages, we don't see that connection. We turn on the faucet, the water comes out, we assume it's safe, and we assume that we are masters of our environment, rather than being part of it.
ไม่ควรจะประหลาดใจเลยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับสัตว์ป่า ก็เป็นการเตือนเราด้วย เหมือนกับที่ราเชล คาร์สัน และคนอื่่นๆเคยเตือน ตามหลักฐานในสไลด์นี้จากทะเลสาปนาบูกาโบ ในยูกันดา สิ่งที่ไหลมาจากไร่นานี้, ซึ่งเข้าไปในถังเหล่านี้, เป็นแหล่งนํ้าแหล่งเดียวที่ใช้ดื่ม ทำอาหาร และ นํ้าอาบสำหรับหมู่บ้านนี้ ถ้าผมบอกพวกผู้ชายในหมู่บ้านนี้ ว่าภูมิคุ้มกันของกบพวกนั้นมีการทำงานบกพร่อง และเซลล์ไข่ตัวเมียเกิดขึ้นในลูกอัณฑะของพวกมัน, การเชื่อมต่อระหว่างสิ่งแวดล้อมที่ดี กับสุขภาพของสาธารณะชน ก็จะชัดเจนขึ้น คุณจะไม่ดื่มนํ้าที่คุณรู้ว่าจะเกิดผลกระทบแบบนี้ ต่อชีวิตสัตว์ที่อาศัยอยู่ในนํ้านั้น ปัญหาคือ,ในหมู่บ้านของผม,โอ๊คแลนด์, ในหมู่บ้านของเราส่วนมาก, เราไม่เห็นการเชื่อมโยงนั้น เราเปิดก๊อกนํ้า, นํ้าไหลออกมา, เราก็ทึกทักเอาว่ามันปลอดภัย, และเรายังทึกทักว่าเราเป็นต้นแบบของสิ่งแวดล้อม, แทนที่จะคิดว่าเราเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม
PJC: So it doesn't take much to realize that actually this is an environmental issue. And I kept thinking over and over again this question. We know so much about global warming and climate change, and yet, we have no concept of what I've been calling internal environmentalism. We know what we're putting out there, we have a sense of those repercussions, but we are so ignorant of this sense of what happens when we put things, or things are put into our bodies.
พีเน๊เลอพี: เป็นเรื่องง่ายที่จะตระหนัก ว่าจริงๆแล้วนี่เป็นปัญหาของสภาวะแวดล้อม และฉันยังคงคิดซํ้าแล้วซํ้าอีก เกี่ยวกับปัญหานี้ เรารู้มากเหลือเกินเกี่ยวกับโลกร้อน และการเปลี่ยนแปลงของอากาศ, แต่เราก็ยังไม่รับรู้ เรื่องที่ฉันเรียกว่า สิ่งแวดล้อมภายในร่างกาย เรารู้ว่าเรากำลังเอาอะไรไปไว้ข้างนอกนั้น, เรามีความรู็สึกถึงการสะท้อนกลับเหล่านั้น, แต่เราเมินเฉยกับความรู้สึกนี้ ที่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อเราเอาของออกไป, หรือของถูกนำกลับ เข้ามาในร่างกายของเรา
And it's my feeling and it's my urging being here to know that, as we women move forward as the communicators of this, but also as the ones who carry that burden of carrying the children, bearing the children, we hold most of the buying power in the household, is that it's going to be us moving forward to carry the work of Tyrone and other scientists around the world. And my urging is that when we think about environmental issues that we remember that it's not just about melting glaciers and ice caps, but it's also about our children as well.
และมันเป็นความรู้สึกของฉัน และมันกระตุ้นให้ฉันมาที่นี่ เพื่อให้รู้ว่า,เมื่อเราผู้หญิงเคลื่อนไปข้างหน้า ในฐานะเป็นผู้สื่อสารเรื่องนี้, แต่ยังเป็นคนที่แบกรับภาระ อุ้มครรภ์, และคลอดเด็ก เรามีอำนาจในการซื้อมากที่สุดในบ้าน, นั่นคือ มันต้องเป็นพวกเราที่จะเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อสืบสายงานของไทโรน และนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆรอบโลก และคำแนะนำของฉันก็คือ เมื่อเราคิดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม เราจะจดจำได้ว่า มันไม่ใช่เรื่องธารนํ้าแข็งละลาย และชั้นนํ้าแข็งที่ปกคลุมพื้นโลกเท่านั้น แต่มันยังเกี่ยวกับลูกของเราด้วย
Thank you.
ขอบคุณคะ
(Applause)
(เสียงปรบมือ)