The year is 1194. Maurice De Bracy, enemy to the English crown, is locked in combat with a mysterious Black Knight. Suddenly, the Black Knight gains the upper hand. He whispers his true identity in De Bracy’s ear: King Richard the Lionheart of England. De Bracy yields. Later, De Bracy offers to let King Richard use his army of “Free Lances,” mercenary soldiers who were free to use their lances in service of whoever paid the most.
ในปี 1194 เมาริช เดอ แบรซี ศัตรูแห่งบัลลังก์ของอังกฤษ ติดหล่มในการรบ จากอัศวินดำปริศนา ในขณะนั้นอัศวินดำ ก็ชิงความได้เปรียบมาได้ เขากระซิบที่ข้างหูของเดอ แบรซี่ เพื่อบอกว่าแท้จริงแล้วเขาคือ กษัตริย์ริชาร์ดใจสิงห์แห่งอังกฤษ เดอ แบรซี่ยอมศิโรราบ ต่อมาเดอแบรซี่จึงเสนอให้กษัตริย์ริชาร์ด ใช้กองทัพ “หอกเสรี” ของเขา กองทหารรับจ้างอิสระที่ใช้หอกเป็นอาวุธ ที่จะรับใช้ใครก็ตามที่จ่ายให้มากที่สุด
That’s how it plays out in Sir Walter Scott’s 1819 novel, “Ivanhoe.” Scott didn’t coin the term, but it was probably this use that stuck, and evolved to describe someone who works independently of any single company.
สิ่งนี้ถูกบรรยายไว้ในวรรณกรรมของ เซอร์วอลเตอร์ สก็อต จากปี 1819 “ไอแวนโฮ” สก็อตไม่ได้เป็นคนคิดคำนี้ขึ้นมา แต่มันก็อาจจะเริ่มต้นจากจุดนี้ พัฒนากลายเป็นคำที่ใช้อธิบายถึง ผู้ที่ทำงานอิสระให้กับบริษัทไหนก็ได้
That independence seems to make people happy. A 2016 survey of freelancers in six countries found that those who freelance by choice— 70% of respondents, by the way— were happier than people in traditional jobs, specifically when it came to things like independence and flexibility in terms of where and when they work. In a survey conducted in the US, half of freelancers said there was no amount of money that would convince them to rejoin the traditional workforce.
ความเป็นอิสระนั้น ดูเหมือนจะทำเรามีความสุข ผลสำรวจผู้ที่ทำงานอิสระ จาก 6 ประเทศ ในปี 2016 พบว่าผู้ที่เลือกทำงานอิสระ โดยสมัครใจกว่า 70% มีความสุขมากกว่า ผู้ที่ทำงานในรูปแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะเมื่อพูดถึง ความอิสระและความยืดหยุ่น ของสถานที่และเวลาในการทำงาน จากผลสำรวจในประเทศสหรัฐอเมริกา กว่าครึ่งหนึ่งของผู้ทำงานอิสระ กล่าวว่าต่อจะให้เงินมากแค่ไหน ก็ไม่อาจทำให้พวกเขากลับไป ทำงานในรูปแบบดั้งเดิมได้
At some point in your life— maybe even now— you might wonder whether freelancing is right for you. You'll need a few things to be successful.
ในสักช่วงหนึ่งของชีวิตคุณ หรืออาจจะเป็นตอนนี้ อาจจะลังเลสงสัยว่างานอิสระนั้น คือสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเองรึเปล่า คุณต้องมีสิ่งเหล่านี้ เพื่อที่จะประสบความสำเร็จได้
First, you'll need a skill that's in demand. This can be as universal as driving a car to as specialized as neurosurgery, and it can be in pretty much any field.
อย่างแรก คุณต้องมีทักษะ ที่เป็นที่ต้องการของตลาด มันอาจจะเป็นเรื่องพื้น ๆ อย่างการขับรถ หรือเป็นเรื่องพิเศษอย่างการศัลยกรรมประสาท เป็นไปได้หมด ไม่ว่าจะวงการไหน
The more people who want your skill, and the fewer people who have it, the more you can charge for your services.
ยิ่งมีคนต้องการทักษะของคุณมาก และมีน้อยคนที่มีทักษะนั้น คุณยิ่งเรียกค่าจ้างได้มากขึ้น
Next, you’ll need to transform yourself into an entrepreneur. Before freelancers can do any work, they have to find it. That takes marketing your services, negotiating contracts, building a network of satisfied clients, and a whole set of administrative skills like project management, time management, and accounting.
ถัดมา คุณต้องเปลี่ยนตัวของคุณ ไปเป็นผู้ประกอบการ ก่อนจะทำงานอิสระได้นั้น คุณก็ต้องหางานให้เจอก่อน คุณต้องทำการตลาดให้งานบริการของคุณ, เจรจาต่อรองเรื่องสัญญา, สร้างเครือข่ายของลูกค้าที่พึงพอใจ และความสามารถในการจัดการทั้งหมด อย่างเช่น การบริหารโครงงาน, การบริหารเวลา และการทำบัญชี
And thirdly, if you can afford it, it's probably a good idea to budget for some benefits for yourself and maybe your family. Freelancers don’t automatically get perks that some salaried jobs offer, like paid vacation or sick leave, life insurance, college tuition, or retirement plans. In countries like the US, where the government doesn’t provide healthcare to most people, freelancers are responsible for that, too.
และอย่างที่สาม หากคุณทำได้ มันคงจะดีถ้าคุณเก็บเงินไว้ เพื่อจุนเจือตัวของคุณเองบ้าง หรือช่วยครอบครัวของคุณ ผู้ทำงานอิสระนั้นไม่มีสิทธิประโยชน์ แบบที่งานประจำมี เช่น การลาพักหรือลาป่วยที่ยังจ่ายเงินให้, ประกันชีวิต ทุนการศึกษา หรือแผนการเงินหลังเกษียณ ในประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ที่ที่การดูแลสุขภาพจากรัฐ เข้าไปไม่ถึงคนส่วนใหญ่ ผู้ที่ทำงานอิสระต้องแบกภาระนั้นเอง
Freelancing has been around for a long time; but digital freelancing platforms like Uber, Lyft, and Fiverr are pretty new. They say they’ll connect you with clients and take care of some of the entrepreneurial and administrative stuff so you can focus on the work. But there are some hidden costs to consider.
การทำงานอิสระนั้นมีมานานแล้ว แต่งานอิสระดิจิทัล เช่น อูเบอร์, ลีฟท์ และฟิเวอร์นั้นยังใหม่อยู่ พวกเขาจะหาลูกค้าให้คุณ และดูแลในส่วนของ การประกอบการและการจัดการให้ เพื่อให้คุณจดจ่ออยู่แค่กับงาน แต่มันก็มีต้นทุนแฝงที่ต้องคำนึงถึงอยู่
First, your life may not be as flexible as you think. For example, if you're a rideshare driver, you get to choose when to work, but not how: the app recommends what route to take, enforces how you act with the threat of low customer ratings, and sets your rate. Those rates may be so low that you end up working more than if you had a salaried full-time job.
อย่างแรก ชีวิตของคุณอาจจะ ไม่ได้ยืดหยุ่นอย่างที่คิดไว้ เช่น หากคุณเป็นคนขับรถอิสระ คุณเลือกได้ว่าอยากทำงานเมื่อไหร่ แต่จะเลือกวิธีการไม่ได้ แอปจะแนะนำให้ว่าควรจะไปเส้นทางไหน บังคับให้ทำตาม โดยใช้คะแนนความพึงพอใจ อันต่ำเตี้ยที่ลูกค้าให้มากดดัน และกำหนดค่าบริการของคุณ ค่าบริการนั้นอาจจะต่ำมากเสียจน คุณต้องทำงานเพิ่มขึ้น มากกว่าตอนที่คุณทำงานประจำเสียอีก
Speaking of rates, it can be hard to figure out exactly how much money you’ll make. Earnings vary based on location; platforms might advertise hourly rates that don’t factor in expenses, and large scale data on actual earnings is sparse. One of the largest data sets we have is from Uber. It contains 740 million trips by 1.8 million drivers between 2015 and 2017. Researchers analyzed these figures in a 2018 paper and found that once you deduct Uber's cut and the cost of business expenses, drivers’ average earnings dropped from about $22 an hour to about $12 an hour. And buying benefits would reduce that number even more.
พูดถึงเรื่องค่าบริการ มันอาจจะบอกแบบเป๊ะ ๆ ได้ยาก ว่าคุณจะทำเงินได้เท่าไหร่ เพราะแต่ละสถานที่ให้ค่าตอบแทนต่างกัน บริษัทอาจจะโฆษณาค่าจ้างรายชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายลงไปด้วย และเมื่อมองในภาพใหญ่แล้ว ค่าจ้างที่ได้จริง ๆ นั้นน้อยนิด หนึ่งในชุดข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดที่เรามี คือข้อมูลของอูเบอร์ มีข้อมูลการเดินทางกว่า 740 ล้านเที่ยว จากคนขับ 1.8 ล้านคน ระหว่างปี 2015 ถึง 2017 นักวิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลนี้ ในรายงานของปี 2018 พบว่าเมื่อหักส่วนต่างของอูเบอร์ และต้นทุนค่าใช้จ่ายไปแล้ว เฉลี่ยแล้วคนขับจะได้ค่าตอบแทนลดลง จาก 22 เป็น 12 เหรียญต่อชั่วโมง และการซื้อซื้อสิทธิพิเศษต่าง ๆ ก็ยิ่งจะลดเงินตรงจุดนั้นลงไปอีก
And there is a lot of variability in working conditions across different gig platforms. For example, the company 99 in Brazil operates a rideshare platform that many people use to deliver packages. Drivers are matched with shippers, and 99 takes a cut. The company’s terms and conditions hold both the shipper and the driver liable for anything that could go wrong— including things like if a package gets stolen.
ทั้งยังมีความแปรปรวนมากมาย จากการเงื่อนไขในทำงาน กับผู้ให้บริการที่ต่างกันอีกด้วย เช่น บริษัท 99 ในบราซิล ที่เป็นผู้ให้บริการการแชร์รถ ที่หลายคนใช้เพื่อส่งพัสดุ คนขับรถจะได้เจอกับผู้จัดส่ง และ 99 ก็จะหักค่าบริการไป ด้วยข้อกำหนดและเงื่อนไข บริษัทจะควบคุมทั้งผู้จัดส่งและคนขับรถ คอยรับผิดชอบความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงเรื่องพัสดุที่โดนขโมยด้วย
If you’re considering joining the app economy and don’t want to read all the fine print, there’s a network of researchers who publish ratings of platforms based on five categories of fair employment.
หากคุณสนใจอยากเข้ามาใน ระบบเศรษฐกิจแอปพลิเคชั่น และคุณก็ไม่อยากจะอ่านข้อสัญญาทั้งหมดนั่น ยังมีเครือข่ายของนักวิจัย ผู้ที่ให้คะแนนกับผู้ให้บริการ โดยอ้างอิงจาก 5 หมวดหมู่ ของการจ้างงานที่เป็นธรรม
Digital gig platforms come with drawbacks and may not provide a reliable living wage. But for many around the world who don’t have the luxury of choice and need to make money as soon as possible, like, say, if you just lost your job, the gig economy is the easiest and fastest place to get hired. For this reason, some have called it an “alternative safety net.”
งานดิจิทัลอิสระเหล่านี้ก็มีข้อเสียอยู่ รายได้ที่ได้นั้น อาจจะไม่พอต่อการครองชีพ แต่สำหรับคนหลาย ๆ คนทั่วโลก ที่ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก และต้องการเงินแบบเร่งด่วน อย่างที่บอกไป หากคุณเพิ่งจะตกงาน ระบบเศรษฐกิจแบบอิสระนี้ เป็นที่ที่เร็วและง่ายที่สุดที่จะถูกจ้างงาน ด้วยเหตุนี้ บางคนอาจจะเรียกมันว่า “รายได้ที่แน่นอนทางเลือก”
So, considering all these factors and many others, should you dip your toes into the gig economy? Or dive in? Ask yourself: how much do you value flexibility or autonomy? Do you prefer to work within an established structure, or to make your own? Are you willing to network to find new clients? Are you organized and self-directed? And perhaps most importantly, how much do you value knowing exactly what you'll earn from week to week?
ลองพิจารณาถึงปัจจัยพวกนั้น และอื่น ๆ อีกมากมาย คุณควรจะแค่ลองเฉียด หรือควรถลำลึกลงไป ในระบบเศรษฐกิจแบบนี้กันล่ะ? ถามตัวเองก่อนว่าคุณให้คุณค่ากับ ความยืดหยุ่นหรือความอิสระมากแค่ไหน คุณชอบการทำงานที่มีแบบแผนชัดเจน หรือแบบตามใจคุณ? คุณอยากจะสร้างเครือข่าย เพื่อหาลูกค้าใหม่ ๆ ไหม? คุณมีระบบและมีแนวทางของตัวเองไหม? และสิ่งที่อาจจะสำคัญที่สุดก็คือ คุณให้คุณค่ากับสิ่งที่คุณใช้หาเงิน อาทิตย์ต่ออาทิตย์มากน้อยแค่ไหน?