There are a few things that all of us need. We all need air to breathe. We need clean water to drink. We need food to eat. We need shelter and love. You know. Love is great, too. And we all need a safe place to pee.
มีอยู่สองสามสิ่งที่พวกเราทั้งหมด มีความจำเป็น พวกเราจำเป็นต้องมีอากาศหายใจ พวกเราจำเป็นต้องมีน้ำสะอาดไว้ดื่ม พวกเราจำเป็นต้องมีอาหารไว้กิน ที่อยู่อาศัยและความรัก คุณก็รู้ ความรักนั้นยอดเยี่ยมเช่นกัน และพวกเราทั้งหมดก็จำเป็นต้องมีที่ปลอดภัยไว้ฉี่
(Laughter) Yeah?
(เสียงหัวเราะ) ใช่ไหม?
As a trans person who doesn't fit neatly into the gender binary, if I could change the world tomorrow to make it easier for me to navigate, the very first thing I would do is blink and create single stall, gender-neutral bathrooms in all public places.
ในฐานะที่เป็นบุคคลข้ามเพศผู้ซึ่งไม่ได้ ถูกจัดอยู่ในระบบทวิเพศวิถีแบบตรงตัวนัก ถ้าฉันสามารถเปลี่ยนโลกได้ในวันพรุ่งนี้ ให้ฉันได้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น อย่างแรกสุดที่ฉันจะทำ คือเสกห้องน้ำแบบไม่แยกตามเพศ ในที่สาธารณะทุกที่เลย
(Applause) Trans people and trans issues, they've been getting a lot of mainstream media attention lately. And this is a great and necessary thing, but most of that attention has been focused on a very few individuals, most of whom are kinda rich and pretty famous, and probably don't have to worry that much anymore about where they're going to pee in between classes at their community college, or where they're going to get changed into their gym strip at their public high school. Fame and money insulates these television star trans people from most of the everyday challenges that the rest of us have to tackle on a daily basis.
(เสียงปรบมือ) บุคคลข้ามเพศกับประเด็นข้ามเพศ ได้รับความสนใจจากสื่ออย่างมาก เมื่อไม่นานมานี้ และนั่นก็เยี่ยมมากและเป็นสิ่งจำเป็น แต่ความสนใจส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ คนเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่ก็พวกที่รวย ๆ และค่อนข้างมีชื่อเสียง และก็อาจจะไม่ต้องกังวลมากนัก ว่าเขาจะฉี่กันที่ไหน ในระหว่างคาบเรียนที่วิทยาลัยชุมชน หรือจะเปลี่ยนชุดออกกำลังกายที่ไหน ในโรงเรียนมัธยมของรัฐที่ตัวเองอยู่ ชื่อเสียงและเงินทองเป็นฉนวน กันเหล่าคนดังข้ามเพศทางโทรทัศน์ ออกจากปัญหาในชีวิตประจำวัน ที่คนที่เหลือแบบพวกเรา ต้องเผชิญอยู่ทุกวัน
Public bathrooms. They've been a problem for me since as far back as I can remember, first when I was just a little baby tomboy and then later as a masculine-appearing, predominantly estrogen-based organism.
ห้องน้ำสาธารณะ เป็นปัญหามากสำหรับฉัน ตั้งแต่เมื่อครั้งจำความได้ ครั้งแรกที่ฉันเป็นทอมตัวน้อย ๆ และต่อมาในร่างของสิ่งมีชีวิตแมน ๆ ที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นฐานหลัก
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
Now, today as a trans person, public bathrooms and change rooms are where I am most likely to be questioned or harassed. I've often been verbally attacked behind their doors. I've been hauled out by security guards with my pants still halfway pulled up. I've been stared at, screamed at, whispered about, and one time I got smacked in the face by a little old lady's purse that from the looks of the shiner I took home that day I am pretty certain contained at least 70 dollars of rolled up small change and a large hard candy collection.
ทุกวันนี้ ในฐานะของคนข้ามเพศ ห้องน้ำสาธารณะและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นที่ ๆ ฉันมักจะถูกถาม หรือไม่ก็ถูกคุกคามอยู่ตลอด ฉันมักจะโดนโจมตีทางวาจาจากหลังประตู ฉันโดนพนักงานรักษาความปลอดภัยลากตัวออกไป ทั้งที่กางเกงยังอยู่ที่หัวเข่า ฉันโดนคนจ้องมอง และกรี๊ดใส่ กระซิบกระซาบถึง และมีครั้งนึง ฉันโดนกระเป๋าปาใส่หน้า โดยหญิงชราร่างเล็ก ทำให้ฉันเหมือนทาขอบตาดำ ในตอนที่ฉันกลับบ้านวันนั้น ฉันมั่นใจว่าในกระเป๋านั้นมีเศษเหรียญ อย่างน้อย 70 ดอลลาร์ และลูกอมชนิดต่าง ๆ ขนาดใหญ่
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
And I know what some of you are thinking, and you're mostly right. I can and do just use the men's room most of the time these days. But that doesn't solve my change room dilemmas, does it? And I shouldn't have to use the men's room because I'm not a man. I'm a trans person.
และฉันรู้ว่าคนบางคนกำลังคิดอะไร คุณเกือบจะถูกหมดแล้วหละ ฉันสามารถและก็ใช้ห้องน้ำชาย เป็นประจำทุกวันนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาทางสองแพร่ง ของห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า จริงไหม และฉันก็ไม่ควรจะใช้ห้องของผู้ชาย เพราะฉันไม่ใช่ผู้ชาย ฉันเป็นคนข้ามเพศ
And now we've got these fearmongering politicians that keep trying to pass these bathroom bills. Have you heard about these? They try to legislate to try and force people like myself to use the bathroom that they deem most appropriate according to the gender I was assigned at birth. And if these politicians ever get their way, in Arizona or California or Florida or just last week in Houston, Texas, or Ottawa, well then, using the men's room will not be a legal option for me either.
และทุกวันนี้พวกเราเจอกับ นักการเมืองที่ใช้ความหวาดกลัว กีดกันไม่ให้มีการผ่านกฎหมาย ว่าด้วยห้องน้ำเหล่านี้ พวกคุณเคยได้ยินเรื่องพวกนี้ไหม พวกเขาพยายามจะออกกฎหมาย มาตัดสินและบังคับคนแบบฉัน ให้ใช้ห้องน้ำที่พวกเขาคิดว่าเหมาะที่สุด ตามเพศที่ฉันได้รับมาเมื่อตอนเกิด และถ้าพวกนักการเมืองเหล่านี้ จะทำแบบที่เขาต้องการ ในอริโซน่า หรือแคลิฟอเนีย หรือฟลอริดา หรืออาทิตย์ที่แล้วในฮุสตัน เทกซัส หรือออตตาวา ก็ได้ถ้างั้น ใช้ห้องน้ำชาย ก็ไม่ใช่ ตัวเลือกที่ถูกกฎหมายสำหรับฉันเหมือนกัน
And every time one of these politicians brings one of these bills to the table, I can't help but wonder, you know, just who will and exactly how would we go about enforcing laws like these. Right? Panty checks? Really. Genital inspections outside of bath change rooms at public pools? There's no legal or ethical or plausible way to enforce laws like these anyway. They exist only to foster fear and promote transphobia. They don't make anyone safer. But they do for sure make the world more dangerous for some of us.
และทุก ๆ ครั้งที่นักการเมืองหยิบยก หนึ่งในกฎหมายเหล่านี้ขึ้นมา ก็ช่วยไม่ได้ที่ฉันจะสงสัย คุณก็รู้ ว่าใครที่ไหนและทำยังไงที่เราจะบังคับใช้ กฎหมายลักษณะนี้ จริงไหม ตรวจกางเกงในเหรอ จริงดิ ตรวจอวัยวะเพศนอกห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ที่สระว่ายน้ำสาธารณะเหรอ มันไม่มีวิธีที่ถูกกฎหมาย หรือถูกจริยธรรม หรือชวนให้เชื่อได้ ที่จะบังคับใช้กฎหมายลักษณะนี้อยู่ดี มันมีอยู่เพื่อที่จะปลุกเร้าความกลัว และส่งเสริมความเกลียดชังต่อบุคคลข้ามเพศ มันไม่ได้ทำให้ใครปลอดภัยมากขึ้นเลย แต่ที่มันทำแน่ ๆ ก็คือทำให้โลกใบนั้น อันตรายมากขึ้นต่อพวกเราบางคน
And meanwhile, our trans children suffer. They drop out of school, or they opt out of life altogether. Trans people, especially trans and gender-nonconforming youth face additional challenges when accessing pools and gyms, but also universities, hospitals, libraries. Don't even get me started on how they treat us in airports.
และในขณะเดียวกัน เด็กข้ามเพศของเราก็ได้รับผลกระทบ พวกเขาออกจากโรงเรียน หรือออกจากการมีชีวิตไปเลย คนข้ามเพศ โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ข้ามเพศ และไม่ได้เป็นไปตามขนบเพศวิถี เผชิญปัญหาที่เพิ่มขึ้น เมื่อเข้าไป ใช้บริการสระว่ายน้ำและโรงยิม รวมถึงในมหาวิทยาลัย โรงพยาบาล ห้องสมุด อย่าให้ฉันพูดเลย ว่าพวกเขา ปฎิบัติต่อพวกเราที่สนามบินแบบไหน
If we don't move now to make sure that these places are truly open and accessible to everyone, then we just need to get honest and quit calling them public places. We need to just admit that they are really only open for people who fit neatly into one of two gender boxes, which I do not. I never have. And this starts very early.
ถ้าเราไม่เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ให้มั่นใจได้ว่าสถานที่เหล่านี้ เปิดรับจริงและทุกคนเข้าไปได้ ดังนั้นเราควรจะซื่อสัตย์ และหยุดเรียกมันว่าที่สาธารณะ พวกเราเพียงแค่ต้องยอมรับ ว่าพวกมันเปิดจริง ๆ เฉพาะสำหรับบุคคล ผู้อยู่ในกรอบใดกรอบหนึ่งของขนบสองเพศวิถี ซึ่งฉันไม่ใช่ ฉันไม่เคยแม้แต่จะเป็น นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยังเด็ก ๆ
I know a little girl. She's the daughter of a friend of mine. She's a self-identified tomboy. I'm talking about cowboy boots and Caterpillar yellow toy trucks and bug jars, the whole nine yards. One time I asked her what her favorite color was. She told me, "Camouflage."
ฉันรู้จักเด็กสาวตัวเล็ก ซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนฉัน เธอระบุตนเองว่าเป็นทอมบอย ฉันกำลังพูดถึงรองเท้าบูธคาวบอย เล่นรถบรรทุกตัวหนอนสีเหลือง โหลใส่แมลง ทุก ๆ อย่างที่จะเป็นได้ ครั้งหนึ่งฉันถามเธอว่าเธอชอบสีอะไร เธอตอบว่า "สีเสื้อลายพราง"
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
So that awesome little kid, she came home from school last October from her half day of preschool with soggy pants on because the other kids at school were harassing her when she tried to use the girls' bathroom. And the teacher had already instructed her to stay out of the boys' bathroom. And she had drank two glasses of that red juice at the Halloween party, and I mean, who can resist that red juice, right? It's so good. And she couldn't hold her pee any longer.
แล้ว เด็กน้อยสุดยอดคนนี้ เธอกลับมาจากโรงเรียนเมื่อตุลาที่แล้ว หลังครึ่งวันของโรงเรียนเตรียมอนุบาล กับกางเกงที่เปียกโชก เพราะถูกคุกคาม โดยเพื่อนที่โรงเรียนของเธอ ตอนที่เธอจะใช้ห้องน้ำหญิง และครูก็บอกห้ามไม่ให้เธอ เข้าห้องน้ำผู้ชาย และเธอได้ดื่มน้ำแดงนั่นไปสองแก้ว ในปาร์ตี้ฮัลโลวีน ก็นะ ใครมันจะอดใจไม่ดื่มน้ำแดงนั่นได้ ใช่ไหม มันอร่อยจริง ๆ และเธออั้นฉี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
Her and her classmates were four years old. They already felt empowered enough to police her use of the so-called public bathrooms. She was four years old. She had already been taught the brutal lesson that there was no bathroom door at preschool with a sign on it that welcomed people like her. She'd already learned that bathrooms were going to be a problem, and that problem started with her and was hers alone. So my friend asked me to talk to her little daughter, and I did. I wanted to tell her that me and her mom were going to march on down and talk to that school, and the problem was going to go away, but I knew that wasn't true. I wanted to tell her that it was all going to get better when she got older, but I couldn't. So I asked her to tell me the story of what had happened, asked her to tell me how it made her feel. "Mad and sad," she told me. So I told her that she wasn't alone and that it wasn't right what had happened to her, and then she asked me if I had ever peed in my pants before. I said yes, I had, but not for a really long time.
เธอและเพื่อนของเธออายุ 4 ขวบ พวกเธอรู้สึกได้รับอำนาจเพียงพอ ที่จะควบคุมการใช้สิ่งที่เรียกกันว่า ห้องน้ำสาธารณะของเธอ เธอมีอายุ 4 ขวบ เธอได้รับบทเรียนอันโหดร้าย ไปเรียบร้อยแล้ว ว่าไม่มีประตูห้องน้ำไหนใน โรงเรียนเตรียมอนุบาล ที่มีสัญลักษณ์บนนั้น ที่ต้อนรับคนแบบเธอ เธอเรียนรู้เรียบร้อยแล้วว่า การเข้าห้องน้ำ นั้นกำลังจะเป็นปัญหา และปัญหานั้นเธอเริ่มต้นที่ตัวเธอ และเป็นปัญหาของเธอคนเดียว ดังนั้นเพื่อนของฉันขอให้ฉัน คุยกับลูกสาวตัวน้อย และฉันก็คุย ฉันอยากจะบอกกับเธอว่า ฉันกับแม่ของเธอจะรวมพลังกัน และไปพุดคุยกับที่โรงเรียน และปัญหาทุกอย่างจะหายไป แต่ฉันรู้ดีว่ามันไม่จริง ฉันอยากจะบอกเธอว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เมื่อเธอโตขึ้น แต่ฉันก็บอกแบบนั้นไม่ได้อีก ดังนั้นฉันเลยให้เธอเล่า ว่าเกิดอะไรขึ้น ให้บอกว่ามันทำให้เธอรู้สึกอย่างไร "โกรธ และ เสียใจ" เธอบอกฉัน ฉันเลยบอกเธอกลับ ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอก และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง จากนั้นเธอถามฉันว่า ฉันเคยฉี่ราดกางเกงมาก่อนไหม ฉันตอบ "แน่นอน" ฉันเคย แต่ก็นานมากแล้ว
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
Which of course was a lie, because you know how you hit, like, 42 or 43, and sometimes you just, I don't know, you pee a little bit when you cough or sneeze, when you're running upstairs, or you're stretching. Don't lie. It happens. Right? She doesn't need to know that, I figure.
ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องโกหก คุณก็รู้ว่าเมื่อเข้าสู่วัย สัก 42-43 หรือบางครั้งคุณแค่ ไม่รู้สิ มันปริปออกมาเล็กน้อย ตอนที่ไอหรือจาม ตอนที่วิ่งขึ้นบันไดหรือตอนที่บิดขี้เกียจ อย่าเยอะ มันก็มีบ้าง ใช่ไหม เธอไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนั้น ฉันคิดเอา
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
I told her, when you get older, your bladder is going to grow bigger, too. When you get old like me, you're going to be able to hold your pee for way longer, I promised her.
ฉันบอกกับเธอว่า เมื่อเธอโตขึ้น กระเพาะปัสสาวะของเธอจะขยายใหญ่ด้วย เมื่อเธอเริ่มแก่เหมือนฉัน เธอจะสามารถอั้นฉี่ได้นานขึ้นมาก ฉันสัญญากับเธอ
"Until you can get home?" she asked me.
"จนถึงบ้านเลยหรอ?" เธอถามฉัน
I said, "Yes, until you can get home." She seemed to take some comfort in that.
ฉันตอบ "ใช่ จนถึงบ้านเลย" แล้วก็เริ่มสบายใจขึ้นกับคำพูดของฉัน
So let's just build some single stall, gender-neutral bathrooms with a little bench for getting changed into your gym clothes. We can't change the world overnight for our children, but we can give them a safe and private place to escape that world, if only for just a minute. This we can do. So let's just do it.
ดังนั้น เรามาช่วยกันสร้างห้องน้ำรวม แบบไม่แยกตามเพศกันเถอะ แบบที่มีม้านั่งเล็ก ๆ สำหรับเปลี่ยนชุดออกกำลังกาย พวกเราไม่สามารถเปลี่ยนโลกได้ ภายในชั่วข้ามคืน เพื่อลูกหลานของเรา แต่เราสามารถให้พื้นที่ที่ปลอดภัย และเป็นส่วนตัวแก่พวกเขาได้ เพื่อที่จะหลบหนีจากโลกนั้น ถึงแม้จะแค่นาทีเดียว นี่แหละที่เราทำได้ ดังนั้นมาช่วยกันเถอะ
And if you are one of those people who is sitting out there right now already coming up with a list of reasons in your head why this is not a priority, or it's too expensive, or telling yourself that giving a trans person a safe place to pee or get changed in supports a lifestyle choice that you feel offends your morality, or your masculinity, or your religious beliefs, then let me just appeal to the part of your heart that probably, hopefully, does care about the rest of the population. If you can't bring yourself to care enough about people like me, then what about women and girls with body image issues? What about anyone with body image stuff going on? What about that boy at school who is a foot shorter than his classmates, whose voice still hasn't dropped yet? Hey? Oh, grade eight, what a cruel master you can be. Right? What about people with anxiety issues? What about people with disabilities or who need assistance in there? What about folks with bodies who, for whatever reason, don't fit into the mainstream idea of what a body should look like? How many of us still feel shy or afraid to disrobe in front of our peers, and how many of us allow that fear to keep us from something as important as physical exercise? Would all those people not benefit from these single stall facilities?
และถ้าคุณที่นั่งอยู่ตอนนี้ คือหนึ่งในคนเหล่านั้น ที่พร้อมจะไล่เรียงเหตุผลในหัว ว่าทำไมนี่ถึงไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งด่วน หรือมันแพงเกินไป หรือบอกกับตัวเองว่าให้การพื้นที่ปลอดภัย แก่บุคคลข้ามเพศเอาไว้ฉี่ หรือเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นการส่งเสริมทางเลือกของชีวิต ที่คุณรู้สึกว่ามันขัดกับหลักศีลธรรมของคุณ หรือความเป็นชายของคุณ หรือความเชื่อทางศาสนาของคุณ ให้ฉันได้ร้องขอ ต่อส่วนหนึ่งของหัวใจคุณ ที่อาจจะมี ก็หวังว่า ความเห็นอกเห็นใจต่อคนที่เหลือ ถ้าคุณไม่สามารถจะรู้สึก เห็นอกเห็นใจคนที่เป็นแบบฉันได้ ถ้าอย่างนั้นกับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ที่มีปัญหาเกี่ยวกับภาพลักษณ์ทางร่างกายล่ะ แล้วกับใครก็ตามที่ยังคงมีปัญหา เรื่องภาพลักษณ์ทางร่างกายล่ะ แล้วกับพวกเด็กผู้ชายที่โรงเรียน ที่ตัวเตี้ยกว่าเพื่อนร่วมชั้นหนึ่งฟุตล่ะ คนที่เสียงยังไม่แตก หืม โอ้ เกรด 8 แล้ว คุณจะโหดร้ายสักเพียงไหน ใช่ไหม แล้วกับพวกคนที่มีปัญหาโรคเครียดล่ะ แล้วกับคนพิการหรือคนที่จำเป็น ต้องได้รับความช่วยเหลือในนั้นล่ะ แล้วกับคนที่มีร่างกาย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็เถอะ ไม่ได้เป็นไปตามขนบสายหลัก ว่าร่างกายควรจะหน้าตาแบบไหนล่ะ มีพวกเรากี่คนที่ยังคงรู้สึกอาย หรือกลัวที่จะเปลื้องผ้าต่อหน้าเพื่อน ๆ และมีกี่คนที่ปล่อยให้ความกลัวนั้น กีดกันเราออกจากบางอย่างที่สำคัญ พอ ๆ กับการออกกำลังกาย ผู้คนเหล่านั้นทั้งหมดจะไม่ได้ประโยชน์ ที่จะใช้สถานที่แบบไม่แยกตามเพศหรือ
We can't change transphobic minds overnight, but we can give everybody a place to get changed in so that we can all get to work making the world safer for all of us.
พวกเราไม่สามารถเปลี่ยนใจ ที่เกลียดชังบุคคลข้ามเพศได้ในข้ามคืน แต่เราสามาาถให้ทุกคน มีที่สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ ดังนั้นพวกเราทุกคนจะใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทำให้โลกปลอดภัยขึ้น สำหรับพวกเราทุกคน
Thank you for listening.
ขอบคุณที่รับฟัง
(Applause)
(เสียงปรบมือ)
Thank you.
ขอบคุณ
(Applause)
(เสียงปรบมือ)