Baldur— son of All Father Odin and Queen Frigg, husband of Nanna the Peaceful, and God of truth and light— was the gentlest and most beloved being in all of Asgard. In his great hall of Breidablik, Baldur’s soothing presence eased his subject’s woes. But lately, he was plagued by troubles of his own. Every night, Baldur had gruesome visions foretelling his own imminent death.
บัลเดอร์ บุตรแห่งจอมเทพโอดินและเทพีฟริกก์ สวามีของนันนาผู้รักสงบ เทพแห่งสัจจะและแสงสว่าง เขาคือเทพที่แสนอ่อนโยน และเป็นที่รักยิ่งของชาวแอสการ์ด ณ ห้องโถงไบรดาบลิก ความอ่อนโยนของบัลเดอร์ ช่วยบรรเทาความทุกข์ยากของราษฎร แต่ระยะหลัง เขาถูกรังควานด้วยปัญหาของตนเอง ทุกคืน บัลเดอร์จะเห็นนิมิตอันน่าสยดสยอง เป็นลางบอกถึงความตายที่ใกล้เข้ามา
Determined to protect her son from these grim prophecies, Queen Frigg travelled across the nine realms, begging all living things not to harm Baldur. Her grace moved each being she encountered. Every animal and element, every plague and plant, every blade and bug gladly gave their word.
เทพีฟริกก์มั่นหมายจะปกป้องบุตร จากคำทำนายที่น่ากลัวเหล่านี้ นางจึงออกเดินทางผ่านดินแดนทั้งเก้า อ้อนวอนสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ไม่ให้ทำอันตรายบัลเดอร์ ความเมตตาของนางดลใจทุกชีวิตที่นางพบเจอ สรรพสัตว์และสรรพสิ่ง โรคหลากและรากไม้ มีดดาบและหมู่แมลง ต่างยินดียื่นสัตย์สาบาน
Frigg returned to Breidablik, and threw a great feast to celebrate. Wine flowed freely, and soon the gods took turns testing Baldur’s immunity. Lurking in the corner, Loki rolled his eyes. The trickster god had never cared for Baldur the Bright, and found his new gift profoundly irritating. Surely there was a flaw in Frigg’s plan.
นางกลับไปยังไบรดาบลิก และจัดงานเลี้ยงใหญ่โตเพื่อเฉลิมฉลอง หลังจากดื่มไวน์กันถ้วนหน้า เหล่าเทพผลัดกันทดสอบความอมตะของบัลเดอร์ โลกิที่ซุ่มซ่อนอยู่ในมุมถึงกับกลอกตา เทพจอมเจ้าเล่ห์ ที่ไม่เคยสนใจบัลเดอร์ผู้สว่างไสว กลับมองว่าพลังพิเศษของเขาน่ารำคาญอย่างยิ่ง แน่นอนว่าแผนของฟริกก์ต้องมีจุดบกพร่อง
Taking the form of an old woman, Loki crept to Frigg’s side and feigned confusion. Why were the gods attacking sweet Baldur, whom they all loved so dearly? Frigg told her of the oaths, but the old woman pressed on. Surely you didn’t receive a vow from everything, she asked. Frigg shrugged. The only being she hadn’t visited was mistletoe. After all, what god could fear a trifling weed?
โลกิแปลงกายเป็นหญิงชรา ย่างก้าวไปหาฟริกก์และแสร้งทำเป็นถาม “เหตุใดเหล่าเทพจึงโจมตีบัลเดอร์ ทั้งที่เขาเป็นที่รักของทุกคน” ฟริกก์บอกเรื่องสัตย์สาบาน แต่หญิงชราถามต่อ “พระองค์ไม่ได้รับคำสาบานจากทุกสิ่งเป็นแน่” ฟริกก์ยักไหล่ สิ่งเดียวที่นางไม่ได้ขอคำสาบาน คือต้นมิสเซิลโท เทพองค์ใดกันจะกลัวพืชกระจ้อยร่อยได้
At this, Loki dashed outside to find a sprig of mistletoe. When he returned, the festivities had grown even rowdier. But not every god was enjoying the party. Baldur’s brother Hodur, who was blind and weapon-less, sat dejected. Seeing his opportunity, the trickster slyly offered Hodur a chance to participate. Loki armed him with mistletoe, guided his aim towards his brother, and told Hodur to hurl with all his might.
ทันใดนั้น โลกิก็รีบออกไป เพื่อหากิ่งต้นมิสเซิลโท เมื่อเขากลับมา งานเลี้ยงก็อึกทึกกันไปใหญ่ แต่ไม่ใช่เทพทุกองค์ที่สำราญใจกับงานเลี้ยง โฮเดอร์ พี่ชายตาบอด และไร้อาวุธของบัลเดอร์นั่งซึมอยู่ จอมเจ้าเล่ห์เห็นลู่ทาง จึงเสนอโอกาสให้โฮเดอร์มีส่วนร่วม โลกิยื่นศรมิสเซิลโทให้โฮเดอร์ พร้อมช่วยเล็งไปที่น้องชายของเขา และบอกโฮเดอร์ให้ง้างสุดกำลัง
The mistletoe pierced Baldur’s chest with deadly force. The god’s light quickly flickered out, and despair swept over the crowd. Within moments, the impact of Baldur’s death could be felt across the nine realms. But from the weeping masses, Hermod the Brave stepped forward. The warrior god believed that with the help of Odin’s mighty steed, there was no plane he could not reach. He would travel to halls of Hel herself, and bring Baldur home.
ศรมิสเซิลโทเจาะหน้าอกบัลเดอร์เข้าเต็มแรง รัศมีเทพดับวูบในทันที และความสิ้นหวังแผ่ไปทั่วฝูงชน พริบตาเดียว ดินแดนทั้งเก้าก็ได้สัมผัส ถึงการตายของบัลเดอร์ ท่ามกลางฝูงชนที่โศกเศร้า เฮอร์มอดผู้กล้าหาญก้าวออกมา เทพนักรบเชื่อว่าด้วยความช่วยเหลือ จากยอดอาชาของโอดิน ไม่มีแดนใดที่เขาไปไม่ถึง เขาจะเดินทางไปยังโถงของเฮล และพาบัลเดอร์กลับมา
The god rode for nine days and nine nights, past halls of corpses and over paths paved with bone. When he finally reached the Queen of the Underworld, Hermod begged her to return Baldur to his family. Hel considered taking pity, but she wanted to know the extent of the gods’ mourning. She agreed to relinquish Baldur’s soul— if Hermod could prove that every living thing wept at Baldur’s death.
เขาเดินทางอยู่เก้าวันเก้าคืน ผ่านโถงซากศพและเส้นทางที่ปูด้วยกระดูก ในที่สุดเฮอร์มอดก็พบกับเทพีแห่งยมโลก เขาอ้อนวอนให้นางคืนบัลเดอร์กลับสู่ครอบครัว เฮลคิดสงสาร แต่นางอยากรับรู้ถึงความอาลัยของเหล่าเทพ นางตกลงที่จะปลดปล่อยวิญญาณของบัลเดอร์ หากเฮอร์มอดพิสูจน์ได้ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งมวล โศกเศร้ากับการตายของบัลเดอร์
Hermod shot back to the land of the living. He met with every creature that Frigg visited earlier— all of which cried for Baldur and begged for his return. Meanwhile, Loki watched Hermod’s mission with disdain. He would not let his work be so easily undone, but if he interfered too boldly it might reveal his hand in Baldur’s murder. Disguising himself as a ferocious giant, he hid himself at Hermod’s final stop.
เฮอร์มอดกลับไปยังแดนคนเป็น เขาไปพบกับทุกสรรพสิ่ง ที่ฟริกก์เคยพบเจอก่อนหน้านี้ ทุกสรรพสิ่งร้องไห้อ้อนวอน ขอให้บัลเดอร์กลับมามีชีวิต ขณะเดียวกัน โลกิก็เฝ้ามองเฮอร์มอดทำภารกิจ ด้วยสายตาดูหมิ่น เขาจะไม่ปล่อยให้ใครมาพังผลงานของเขาง่าย ๆ แต่หากยุ่งมากเกินไปก็จะเป็นการเปิดเผย ว่าตนอยู่เบื้องหลังการตายของบัลเดอร์ เขาปลอมตัวเป็นนางยักษ์ดุร้าย และซ่อนตัวอยู่จุดสุดท้ายที่เฮอร์มอดจะไป
When the warrior came, the howling wind and craggy rocks each declared their love for Baldur. But the giant within spewed only contempt for the deceased. No matter how much Hermod begged, she would not shed a single tear.
เมื่อเทพนักรบมาถึง ลมหวนและหินผา ต่างป่าวประกาศรักที่มีต่อบัลเดอร์ แต่นางยักษ์ที่แอบอยู่ ก็เอาแต่ดูถูกบัลเดอร์ที่สิ้นใจไปแล้ว ไม่ว่าเฮอร์มอดจะเว้าวอนเพียงใด นางยักษ์ก็ไม่ร้องไห้เลยแม้แต่น้อย
With his last hope dashed, the god began to mourn Baldur a second time. But an echo from the cave rang out above his sobs. Loki’s twisted cackle was well-known to every Asgardian, and Hermod realized he’d been tricked. As he leapt to accost the trickster, Loki took the form of a salmon and wriggled into the waterfall. His escape was guaranteed, until Thor arrived at the scene.
เมื่อความหวังสุดท้ายปลิวหายไป เขาเริ่มอาลัยต่อบัลเดอร์อีกครั้ง แต่เสียงสะท้อนจากถ้ำก็ดังขึ้น เหนือเสียงสะอื้นของเขา เสียงหัวเราะอันวิปริตของโลกิ เป็นที่เลื่องลือในหมู่ชาวแอสการ์ด เฮอร์มอดรู้ตัวว่าตนถูกหลอก ขณะที่เขากระโจนใส่จอมเจ้าเล่ห์ โลกิแปลงกายเป็นแซลมอน และดิ้นลงไปในน้ำตก เขาเกือบจะหลบหนีสำเร็จ แต่ธอร์ดันมาเสียก่อน
Dragging Loki back to the cave, the gods bound him with a poisonous serpent. Here, Loki would remain chained until the end of days— the serpent dripping venom on his brow as punishment for dousing Asgard’s brightest light.
เทพทั้งสองลากโลกิกลับไปในถ้ำ และมัดเขาไว้กับงูพิษ โลกิจะถูกล่ามไว้ ณ ที่แห่งนี้ จนกว่าจะถึงวันสิ้นโลก งูจะหยดพิษลงหน้าผากของโลกิเพื่อลงโทษ ที่ได้ดับแสงที่โชติช่วงที่สุดของแอสการ์ดไป