[This talk contains mature content]
(ทอล์กนี้มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่)
I have a vagina.
ฉันมีช่องคลอดค่ะ
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
Just thought you should know. That might not come as a surprise to some of you. I look like a woman. I'm dressed like one, I guess. The thing is, I also have balls. And it does take a lot of nerve to come up here and talk to you about my genitalia. Just a little. But I'm not talking about bravery or courage. I mean literally -- I have balls. Right here, right where a lot of you have ovaries. I'm not male or female. I'm intersex.
แค่คิดว่าคุณน่าจะรู้ไว้ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ สำหรับบางคน ฉันดูเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันแต่งตัวเหมือนผู้หญิง คิดว่านะ เรื่องของเรื่องคือ ฉันมีลูกอัณฑะด้วย มันต้องรวบรวมความกล้าพอสมควร ที่จะมาที่นี่เพื่อพูดกับคุณ เรื่องอวัยวะเพศของฉัน ไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ แต่ฉันไม่ได้กำลังพูดถึงเรื่อง ความกล้าหาญอะไรแบบนั้น ฉันหมายความตามนั้นจริง ๆ ฉันมีลูกอัณฑะ อยู่ตรงนี้เลย ตรงที่พวกคุณหลายคนมีรังไข่ ฉันไม่ใช่เพศชายหรือเพศหญิง ฉันเป็นคนเพศกำกวม
Most people assume that you're biologically either a man or a woman, but it's actually a lot more complex than that. There are so many ways somebody could be intersex. In my case, it means I was born with XY chromosomes, which you probably know as male chromosomes. And I was born with a vagina and balls inside my body. I don't respond to testosterone, so during puberty, I grew breasts, but I never got acne or body hair, body oil. You can be jealous of that.
หลายคนทึกทักเองว่า ในทางชีวภาพ คุณคงจะเป็นทั้งชายและหญิง แต่จริง ๆ แล้วมันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ มีหลายรูปแบบทำให้ คนเรามีเพศกำกวม ในกรณีของฉันคือ การที่ฉัน เกิดมาพร้อมกับโครโมโซม XY ซึ่งพวกคุณน่าจะรู้ ว่ามันคือ โครโมโซมเพศชาย และฉันมีทั้งช่องคลอดและลูกอัณฑะ อยู่ในร่างกายของฉันมาตั้งแต่เกิด ตัวฉันไม่ได้มีการตอบสนองต่อเทสโทสเตอโรน ดังนั้น ในวัยเจริญพันธุ์ หน้าอกฉันจึงใหญ่ขึ้น แต่ฉันไม่เคยมีสิว ไม่เคยมีขนตามตัว และไม่เคยมีผิวมัน น่าอิจฉาอยู่นะ
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
But even though I don't actually have a uterus -- I was born without one, so I don't menstruate, I can't have biological children. We put people in boxes based on their genitalia. Before a baby's even born, we ask whether it's a boy or a girl, as if it actually matters; as if you're going to be less excited about having a baby if it doesn't have the genitals you wanted; as if what's between somebody's legs tells you anything about that person. Are they kind, generous, funny? Smart? Who do they want to be when they grow up?
แต่อย่างไรก็เถอะ ฉันไม่มีมดลูก ฉันเกิดมาไม่มีมดลูกเลย ฉันจึงไม่มีประจำเดือน มีลูกตามธรรมชาติก็ไม่ได้ เราจัดกรอบผู้คน โดยอิงจากอวัยวะเพศของพวกเขา ก่อนที่ทารกจะคลอด เรามักจะถามว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ราวกับว่ามันสำคัญจริง ๆ ราวกับว่ามันจะทำให้ คุณรู้สึกเซ็งกับการมีลูก หากลูกไม่ได้มีอวัยวะเพศ แบบที่คุณต้องการ ราวกับว่าไอ้สิ่งที่มันอยู่ตรงหว่างขา สามารถบอกอะไรเกี่ยวกับคนคนนั้นได้ เป็นคนจิตใจดี ใจกว้าง ตลกหรือไม่? ฉลาดไหม? เมื่อโตขึ้น อยากเป็นอะไร?
Genitals don't actually tell you anything. Yet, we define ourselves by them. In this society, we love putting people into boxes and labeling each other. It kind of gives us a sense of belonging and teaches us how to interact with one another. But there's one really big problem: biological sex is not black or white. It's on a spectrum.
อวัยวะสืบพันธุ์ไม่ได้บอกอะไรเลยสักนิด แต่เราก็ยังใช้มันในการนิยามตัวตนของเรา ในสังคมนี้ เราชอบจับผู้คนใส่ในกรอบ แปะป้ายกัน มันให้ความรู้สึกของการเป็นคนของสังคม และสอนให้เรารู้จักวิธีปฏิบัติต่อผู้อื่น แต่มันมีปัญหาใหญ่มาก ๆ อยู่ เพศทางชีวภาพไม่ได้มีสีดำหรือขาว มันมีหลากสี
Besides your genitalia, you also have your chromosomes, your gonads, like ovaries or testicles. You have your internal sex organs, your hormone production, your hormone response and your secondary sex characteristics, like breast development, body hair, etc. Those seven areas of biological sex all have so much variation, yet we only get two options: male or female. Which is kind of absurd to me, because I can't think of a single other human trait that there's only two options for: skin color, hair, height, eyes. You can either have nose A or nose B, that's it, no other options.
นอกจากอวัยวะเพศ คุณยังมีโครโมโซม อวัยวะที่ใช้สืบพันธุ์อย่างมดลูกหรืออัณฑะ คุณมีอวัยวะสืบพันธุ์ภายใน การผลิตฮอร์โมน การตอบสนองต่อฮอร์โมน และลักษณะรองทางเพศ เช่น พัฒนาการของหน้าอก ขนตามร่างกาย และอื่น ๆ เพศสรีระทั้งเจ็ดด้านเหล่านั้น มีรูปแบบที่หลากหลาย แต่เรากลับมีเพียงสองตัวเลือก ชาย หรือ หญิง ซึ่งไร้สาระมากสำหรับฉัน เพราะฉันไม่สามารถคิดถึง ลักษณะของคนสักคน ว่ามีตัวเลือกเพียงแค่สองตัวเลือก สีผิว ผม ความสูง ดวงตา คุณจะมีจมูกแบบ ก หรือไม่ก็จมูกแบบ ข แค่นั้นเหรอ ไม่มีตัวเลือกอื่นเลย
If there are infinite ways for our bodies to look, our minds to think, personalities to act, wouldn't it make sense that there's that much variety in biological sex, too? Did you know that besides XX or XY chromosomes, you could have XX and XY chromosomes? Or you could have an extra X -- XXY. Or two extra -- XXXY. Goes on from there. And for those "normal" people with XX or XY, what does that mean? I have XY chromosomes. If my DNA is found at the scene of a crime -- not saying it will, but, you know, we'll see.
ถ้าเรามีวิธีมองร่างกาย ในแบบไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งความคิด การแสดงออกทางบุคลิกภาพ มันจะสมเหตุสมผลกว่าไหม ถ้ามันมีความแตกต่าง ในด้านเพศสรีระเช่นกัน? คุณรู้ไหม นอกจากโครโมโซม XX หรือ XY คุณสามารถมีโครโมโซมทั้ง XX และ XY ได้ หรือไม่ก็มี X แบบพิเศษ XXY หรือพิเศษสองต่อ XXXY ต่อไปอีกเรื่อย ๆ และสำหรับ คน “ปกติ” ที่เป็น XX หรือ XY มันหมายความว่าอย่างไร ฉันมีโครโมโซม XY ถ้าดีเอ็นเอของฉัน ถูกพบในที่เกิดเหตุ ไม่ได้บอกว่าจะเกิดหรอกนะคะ แต่ก็นะ ใครจะไปรู้
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
If my skeleton is discovered thousands of years from now, I'll be labeled male. Is that the truth? My balls would say so. But what about the rest of me? And what if a woman has ovarian cancer and has to have her ovaries removed? Does she still qualify as a woman? What about other intersex people who are born without balls or ovaries or with just one or a combination of the two? Where do they go? Do you have to have a uterus to be a woman? There's a lot of us who are born without one.
ถ้าโครงกระดูกของฉัน ถูกค้นพบในอีกหลายพันปีต่อจากนี้ ฉันจะถูกแปะป้ายว่าเป็นผู้ชาย แล้วมันจริงไหม อัณฑะของฉันบอกว่าจริง แต่ส่วนที่เหลือของร่างกายฉันล่ะ และถ้าผู้หญิงเป็นมะเร็งรังไข่ และต้องตัดรังไข่ออก เธอยังมองว่าเป็นผู้หญิงอยู่ไหม แล้วเหล่าคนเพศกำกวมคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีอัณฑะหรือรังไข่ตอนเกิดมา หรือมีแค่อย่างเดียว หรือมีทั้งคู่เลย พวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน การจะเป็นผู้หญิง คุณต้องมีมดลูกหรือไม่ พวกเราหลายคนเกิดมาโดยไม่มีมดลูก
And everyone's favorite part, genitalia: you either have one or the other, right? You either have a six-inch-long penis that's exactly this thick, jutting straight out of the body at a 90-degree angle, or you have a vagina that's this wide internally and a clitoris that's half an inch above the vaginal opening and labia that look exactly like they're supposed to look like, according to that one porn video you watched that one time. You know the one. If you've been with more than one sexual partner in your lifetime, and you line them up, one by one, I guarantee you can identify them just by their genitalia.
และส่วนที่โปรดปรานของทุกคน อวัยวะเพศ คุณคงจะมีอย่างใดอย่างหนึ่งใช่ไหม คุณคงจะมีองคชาตยาวหกนิ้ว ที่หนาเท่านี้ ที่ยื่นออกมาจากร่างกาย ทำมุม 90 องศา หรือคุณมีช่องคลอด ที่ข้างในกว้างประมาณนี้ และมีปุ่มกระสันขนาดนิ้วครึ่ง อยู่เหนือปากช่องคลอด และมีแคมที่ดูเหมือนกับ สิ่งที่มันควรจะเป็นเป๊ะ ๆ อ้างอิงจากหนังโป๊เรื่องหนึ่งที่คุณเคยดูกัน รู้กันว่าเรื่องไหน ถ้าคุณเคยมีคู่นอน มากกว่าหนึ่งคนตลอดทั้งชีวิตคุณ และคุณลองจัดหมวดหมู่ดู ทีละคน ฉันยืนยันได้เลยว่าคุณจะแยก แต่ละคนออกได้ด้วยอวัยวะเพศของพวกเขา
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
Think about it. Go on.
ลองคิดดูนะ คิดเลยค่ะ
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
I see you. No judging. Just notice. All different, right?
ฉันเห็นนะ ไม่ตัดสินกันค่ะ แค่สังเกตเห็น แต่ละคนไม่เหมือนกันใช่ไหมคะ
The sex and gender binary are both so ingrained in our society, that we never stop to think about it. We just automatically place each other into one box or the other, as if it actually matters. Until somebody comes along to make you question it. And if you're thinking that I'm the exception, an anomaly, an outlier: intersex people represent around two percent of the population. That's the same percentage as genetic redheads. It's about 150 million people, roughly, which is more than the entire population of Russia. So there's a lot of us, needless to say. We're not new or rare. We're just invisible. We've existed throughout every culture in history. Yet, we never talk about it.
แนวคิดการแบ่งเพศแบบทวิลักษณ์ ฝังรากลึกอยู่ในสังคมของเรา เราไม่เคยหยุดคิดเกี่ยวกับมัน เราต่างวางกรอบแบบหนึ่งให้อีกคน โดยอัตโนมัติ หรือมีแบบอื่น ๆ ทำเหมือนกับมันสำคัญมาก จนกระทั่งมีคนทำให้คุณ สงสัยขึ้นมา และถ้าคุณกำลังคิดว่าฉันเป็นข้อยกเว้น เป็นแค่คนที่ผิดปกติ แปลกแยก เป็นตัวแทนของคนเพศกำกวม สองเปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เท่ากัน กับคนที่มีผมสีแดงตามธรรมชาติ มีจำนวนคร่าว ๆ ประมาณ 150 ล้านคน ซึ่งมากกว่าประชากรทั้งหมดของรัสเซียซะอีก เพราะฉะนั้น พวกเราจึงมีจำนวนมาก ไม่จำเป็นต้องพูดด้วยซ้ำ เราไม่ได้เป็นของใหม่หรือหายาก เราแค่ไม่มีใครมองเห็น เรามีตัวตนอยู่ใน ทุกวัฒนธรรมของประวัติศาสตร์ แต่ว่าเราไม่เคยพูดถึงมัน
In fact, a lot of people might not know that they're intersex. Have you had a karyotype test to determine your chromosomes? What about a full blood panel for all of your hormone levels? A friend of mine found out last year, in his 50s. The executive director of interACT, which is the leading organization for intersex human rights here in the US, she found out she was intersex at age 41. Her doctors found out when she was 15, but they didn't tell her. They lied and said that she had cancer, because that seemed like an easier option than finding out she wasn't "fully" a woman. This kind of thing happens a lot, where intersex people are lied to or kept in the dark about our bodies, which comes as a surprise to a lot of people. But we live in a society that doesn't talk about sex or bodies at all, unless it's to mock or shame each other.
ในความเป็นจริง หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า พวกเขาเป็นคนเพศกำกวม คุณเคยทำคาริโอไทป์ เพื่อทดสอบหาโครโมโซมของคุณหรือไม่ หรือตรวจเลือดโดยละเอียด เพื่อวัดระดับฮอร์โมนบ้างไหม เพื่อนของฉันเพิ่งรู้ตัวเอง เมื่อปีที่แล้ว ในวัย 50 ปี ผู้บริหารของอินเทอร์แอค องค์กรชั้นนำด้านสิทธิมนุษยชน ของคนเพศกำกวมในสหรัฐอเมริกา เธอพบว่าเธอเป็นเพศกำกวมตอนอายุ 41 พวกหมอประจำตัวของเธอ ทราบเรื่องนี้ตอนเธออายุ 15 แต่พวกเขาไม่ได้บอกเธอ พวกเขาหลอกว่าเธอเป็นมะเร็ง เพราะมันดูจะเป็นตัวเลือกที่ง่ายกว่า เทียบกับการบอกเธอว่า เธอไม่ใช่ผู้หญิง “แท้” เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ที่เหล่าคนเพศกำกวมถูกโกหกเกี่ยวกับสรีระ หรือไม่ก็ถูกเก็บงำไว้ในความมืด ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับหลาย ๆ คน แต่เราอยู่ในสังคมที่ไม่พูด ถึงเรื่องเพศหรือร่างกายกันเลย ยกเว้นพูดล้อเลียนหรือทำให้อับอายกัน
I found out I was intersex at age 10, and for the most part, I was fine with that information. It didn't really faze me; I was still developing my understanding of the world. It wasn't until I got older and realized I didn't fit society's expectations of me, that I didn't belong, that I was abnormal. And that's when the shame started. How many times have you seen kids play with the "wrong" toys for their gender? Or try on the "wrong" clothes? All the time, right? Kids don't have these ideas about gender norm, they don't have shame about who they're supposed to be or what they're supposed to like or love. They don't care about any of this stuff. They don't have shame until we put it on them.
ฉันพบว่าตัวเองมีเพศกำกวมตอนอายุ 10 ขวบ และส่วนใหญ่แล้ว ฉันพอใจกับเรื่องที่ได้รู้ ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกกังวล ฉันยังต้องเรียนรู้และเข้าใจโลก ฉันไม่เคยรู้สึกกังวลจนเมื่อฉันโตขึ้น และตระหนักว่า ฉันไม่ได้เป็นไปตาม ที่สังคมคาดหวังอยากให้เป็น สังคมที่ไม่เหมาะกับฉัน เพราะฉันผิดปกติ และนั่นคือจุดที่ฉันเริ่มรู้สึกอับอาย กี่ครั้งแล้วที่คุณเห็นเด็กเล่น ของเล่น “ผิด” ประเภท สำหรับเพศของพวกเขา หรือลองสวมเสื้อผ้า “ผิด” เพศ ตลอดเวลาเลยใช่ไหมคะ เด็ก ๆ ไม่ได้มีชุดความคิด เกี่ยวกับบรรทัดฐานทางเพศ พวกเขาไม่รู้สึกอาย ที่อยากจะเป็นแบบใคร หรืออยากจะชอบหรือรักสิ่งไหน พวกเขาไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ เด็ก ๆ ไม่มีความอับอาย จนกระทั่งเรามอบให้พวกเขา
I also had doctors lie to me. At age 10, they told me that I would also get cancer unless I removed my balls. Then they proceeded to tell me that every year. Until today, there are still doctors who want me to remove them. But there's literally no reason. If a typical XY male, like yourself, has testicles, and one is undescended, there's a high chance of it becoming cancerous -- or a higher chance of it becoming cancerous. They need to thermoregulated. So they drop down away from the body to cool off, or they shrink back up to get warm. Mine don't need to do that. They're not responding to testosterone, they're not producing sperm. They're fine right here inside my body. Yet, because there's such a lack of information about intersex people, my doctors never understood the difference. They never really understood my body.
ฉันเองก็ถูกหมอหลอกเหมือนกัน ตอนอายุ 10 ขวบ พวกเขาบอกฉันว่า ฉันอาจจะเป็นมะเร็งได้เช่นกัน เว้นแต่ว่าฉันจะตัดอัณฑะทิ้งไป จากนั้นพวกเขา ก็เริ่มบอกฉันแบบนี้ทุก ๆ ปี จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ยังมีพวกหมอ ที่ยังคงอยากให้ฉันตัดมันทิ้ง แต่มันไม่มีเหตุผลเลย ถ้าผู้ชาย XY ทั่วไป แบบพวกคุณมีลูกอัณฑะ และมีหนึ่งลูกที่ไม่มีอัณฑะอยู่ข้างใน ก็มีโอกาสสูง ที่จะกลายเป็นมะเร็ง หรือโอกาสสูงมาก ๆ ที่มันจะกลายเป็นมะเร็ง มันต้องใช้การควบคุมอุณหภูมิ ดังนั้น มันจะถูกปล่อยออกมา จากร่างกายเพื่อทำให้เย็นลง หรือหดเข้าไปเพื่อทำให้อุ่นขึ้น ของฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้น มันไม่ตอบสนองต่อเทสโทสเตอโรน มันไม่ผลิตสเปิร์ม มันอยู่ของมันดี ๆ ตรงนี้ในร่างกายของฉัน แต่เพราะไม่มีข้อมูลของคนที่มีเพศกำกวม พวกหมอของฉันจึงไม่เคยเข้าใจ ความแตกต่าง พวกเขาไม่เคยเข้าใจร่างกายของฉัน
As I got older, I had another doctor tell me that I needed to have surgery on my vagina. She said that until I had an operation, until she operated, I would not be able to have "normal sex" with my husband one day. Her words. I didn't end up going through with the operation, and I'm incredibly grateful for that. I'm not here to talk about my sex life.
เมื่อฉันอายุมากขึ้น ฉันมีหมออีกคนที่บอกว่า ฉันจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดช่องคลอด เธอบอกว่าจนกว่าฉันจะเข้ารับการผ่าตัด จนกว่าเธอจะผ่าตัดให้ฉันเรียบร้อย ฉันจะไม่สามารถมี “เพศสัมพันธ์แบบปกติ” กับสามีของฉันได้ในวันไหนเลย คำพูดเธอนะ ฉันไม่ได้เข้ารับการผ่าตัดนั้น และฉันดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่ทำเช่นนั้น ฉันไม่ได้มาเพื่อพูดถึง ชีวิตเซ็กส์หรอกนะ
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
But let's just say it's fine.
แต่เอาเป็นว่ามันราบรื่นดีแล้วกันค่ะ
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
I'm fine, my body is fine. You actually wouldn’t be able to tell the difference between me and another person unless I told you; you wouldn't be able to tell that I was intersex unless I told you. But again, because of the lack of understanding about bodies, my doctor didn't understand the difference. And for the most part, my sex life is fine. The only issue that really comes up is that sometimes, sexual situations bring up memories of doctors touching me, over and over again since I was 10. I've been really lucky to escape -- I didn't think I would get emotional -- I've been really lucky to escape the physical harm that comes from these unnecessary surgeries. But no intersex person is free from the emotional harm that comes from living in a society that tries to cover up your existence. Most of my intersex friends have had operations like these. Oftentimes, they will remove testes like mine, even though my risk of testicular cancer is lower than the risk of breast cancer in a typical woman with no predisposition, no family history. But we don't tell her to remove her breasts, do we?
ฉันสบายดี ร่างกายฉันก็แข็งแรงดี คุณคงบอกไม่ได้แน่ ๆ ถึงความแตกต่าง ระหว่างตัวฉันและกับอีกคนหนึ่ง เว้นแต่ฉันบอกคุณ คุณคงดูไม่ออกเลย ว่าฉันเป็นเพศกำกวม ถ้าฉันไม่บอกคุณ และเช่นกัน เพราะการขาด ความเข้าใจในเรื่องร่างกาย หมอของฉันจึงไม่เข้าใจความแตกต่าง และส่วนใหญ่แล้ว ชีวิตเซ็กส์ของฉันราบรื่นดี ปัญหาเดียวที่มี คือบางครั้ง สถานการณ์ทางเพศทำให้ฉันนึกถึง ความทรงจำที่พวกหมอเหล่านั้นจับต้องตัวฉัน ซ้ำแล้วซ้ำอีกตั้งแต่ฉัน 10 ขวบ ฉันโชคดีมาก ๆ ที่รอดพ้นจาก ฉันไม่คิดว่าจะรู้สึกอ่อนไหวในเรื่องนั้น ฉันโชคดีมาก ๆ ที่รอดพ้นจาก ความเจ็บปวดทางร่างกาย จากการผ่าตัดที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ แต่ไม่มีคนเพศกำกวมคนไหน รอดพ้นจากความเจ็บปวดทางจิตใจ จากการใช้ชีวิตในสังคม ซึ่งพยายามปกปิดการมีตัวตนของคุณ เพื่อน ๆ เพศกำกวมของฉันส่วนใหญ่ ได้รับการผ่าตัดเช่นนี้ บ่อยครั้งที่พวกเขาอยากเอา อัณฑะออกเช่นเดียวกับฉัน ทั้งที่ความเสี่ยงต่อมะเร็งอัณฑะของฉัน ต่ำกว่ามะเร็งเต้านม ของผู้หญิงทั่วไปที่ไม่มีแรงจูงใจ หรือคนในครอบครัวมีประวัติเสียอีก แต่เราก็ไม่ได้บอกให้เธอ เอาเต้านมออกนี่ ใช่ไหมคะ
It's rare to meet an intersex person that hasn't been operated on. Oftentimes, these surgeries are done to improve intersex kids' lives, but they usually end up doing the opposite, causing more harm and complications, both physical and emotional. I'm not saying that doctors are bad or evil. It's just that we live in a society that causes some doctors to "fix" those of us who don't fit their definition of normal. We're not problems that need to be fixed. We just live in a society that needs to be enlightened.
น้อยมากที่จะเจอคนเพศกำกวม ที่ไม่ได้ผ่าตัด บ่อยครั้งที่การผ่าตัดเหล่านี้ ทำไปเพื่อทำให้ชีวิตของเด็กเพศกำกวมดีขึ้น แต่ผลมักจะลงเอยตรงกันข้าม เกิดความเจ็บปวดหรือมีอาการแทรกซ้อนมากกว่า ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ฉันไม่ได้จะพูดว่า พวกหมอเป็นคนเลวหรือชั่วร้าย เราแค่อยู่ในสังคม ที่ทำให้หมอบางคนเอาแต่จะ “แก้” พวกเราที่ไม่เป็นไปตาม นิยามของความปกติ เราไม่ใช่ปัญหาที่ต้องการให้แก้ เราแค่อยู่ในสังคมที่ต้องการการให้ความรู้
One of the ways I'm doing that is by creating a genderless puberty guidebook that can teach kids about their bodies as they grow up. Not their girl bodies or their boy bodies -- just their bodies. We often place unrealistic expectations on the things that our bodies do that are outside of our control. I mean, if one man can grow a full, luxurious, hipster beard, and the other can only grow a few mustache hairs, what does that mean about who they are as men? Nothing. It literally, most likely, just means that their hair follicles respond to testosterone in different ways. Yet, how many times have you heard a man ashamed about something like this?
หนึ่งในสิ่งที่ฉันกำลังทำ คือ การจัดทำคู่มือ สำหรับวัยเจริญพันธุ์สำหรับคนไร้เพศ ที่จะสอนเด็ก ๆ ให้เรียนรู้ ร่างกายของตนเองเมื่อโตขึ้น ไม่ใช่ร่างกายของเด็กผู้หญิง หรือเด็กผู้ชาย แต่เป็นร่างกายของพวกเขาเอง เรามักทึกทักในสิ่งที่เกิดขึ้น กับร่างกายของเรา ว่าเป็นสิ่งที่เหนือการควบคุม ฉันหมายถึง ถ้าผู้ชายคนหนึ่ง มีหนวดเคราดก ดูดีและน่าประทับใจ แต่กับอีกคนหนึ่ง หนวดขึ้นเพียงเล็กน้อย มันบอกอะไรบ้าง ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนแบบไหน ไม่เลย มันแค่หมายความตามจริงว่า รูขุมขนของพวกเขา ตอบสนองเทสโทสเตอโรนต่างกัน มีสักกี่ครั้ง ที่เราเคยได้ยินว่า ผู้ชายรู้สึกอายจากเรื่องแบบนี้
Imagine a world where we could live in a society that teaches us not to have shame about the things that our bodies do or do not do. I want to change the way that we think about biological sex in this society -- which is a lot to ask for. You could say it's ballsy, I guess.
ลองจินตนาการถึงโลก ที่เราอยู่ในสังคม ที่สอนให้เราไม่ต้องอาย กับสิ่งที่ร่างกายของเราเป็นหรือไม่เป็น ฉันอยากจะเปลี่ยนวิธีคิด เกี่ยวกับเพศทางชีวภาพในสังคมของเรา ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจจจะขอมากไป เดาว่า คุณอาจกำลังบอกว่า ช่างกล้านะ
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
But eventually we accepted the world as round, right? We no longer diagnose gay people with mental disorders or women with hysteria. We don't think epilepsy is caused by the devil anymore, so that's cool.
แต่ในที่สุด เราก็ยอมรับว่าโลกกลม ใช่ไหมคะ เราไม่วินิจฉัยคนที่เป็นเกย์ว่า เป็นโรคทางจิตอีกแล้ว หรือวินิจฉัยผู้หญิงว่าเป็นโรคประสาท เราไม่คิดว่าโรคลมชักเกิดขึ้น เพราะปีศาจเข้าสิงอีกแล้ว เจ๋งนะ
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
We constantly change and evolve, the more we understand as a society. And biological sex is on a spectrum. It's not black or white. Not only could that knowledge save intersex kids from physical and emotional harm, I think it would help everyone else, too. Who here has ever felt inadequate or ashamed because you weren't girly enough, you were too girly, you weren't manly enough, or too manly? We constantly shame people for not fitting into a box, but the reality is, I think we shame others because it prevents them from seeing that we don't fit inside our boxes, either. And the truth is that nobody actually fits in a box, because they don't exist. This binary, this false male-female facade is something we constructed, we built ourselves. But it doesn't have to exist. We can break it down. And that's what I want to do. Will you join me?
ยิ่งเราเข้าใจสังคมมากขึ้นเท่าไร เราจะค่อย ๆ เปลี่ยนและพัฒนาไปได้ไกลมากขึ้น และเพศทางชีวภาพนั้นมีหลากสี มันไม่ใช่สีดำหรือขาว ความรู้ที่มีนั้นไม่เพียง ช่วยเด็ก ๆ ที่มีเพศกำกวม จากความเจ็บป่วยทางกายและจิตใจ ฉันคิดว่ามันจะช่วยเราทุกคนได้เช่นกัน ใครที่เคยรู้สึกต้อยต่ำหรืออับอาย เพียงเพราะคุณไม่ได้มีความเป็นผู้หญิงมากพอ หรือเป็นผู้หญิงมากไป ไม่ได้เป็นผู้ชายมากพอ หรือเป็นผู้ชายมากไป เราทำให้ผู้คนอับอายเรื่อยมา เพียงเพราะพวกเขาไม่อยู่ในกรอบ แต่ในความเป็นจริงก็คือ ฉันคิดว่าเราทำให้คนอื่นอับอาย เพราะไม่อยากให้พวกเขาเห็น ว่าเราก็ไม่อยู่ในกรอบเช่นกัน และความจริงก็คือ ไม่มีใครอยู่ในกรอบทั้งนั้น เพราะมันไม่มีอยู่จริง ทวิลักษณ์ชายหญิงอันจอมปลอมนี้ คือสิ่งที่เราล้วนสร้างขึ้น เราสร้างมันขึ้นมาเอง ทว่า มันไม่จำเป็นต้องมีอยู่จริง เราทลายมันลงได้ และนั่นคือ สิ่งที่ฉันอยากทำ คุณจะร่วมกับฉันไหม
Thanks.
ขอบคุณค่ะ
(Applause)
(เสียงปรบมือ)