The new me is beauty.
ผมคนใหม่คือความสวยงาม
(Laughter) Yeah, people used to say, "Norman's OK, but if you followed what he said, everything would be usable but it would be ugly." Well, I didn't have that in mind, so ...
(เสียงหัวเราะ) คุณรู้มั้ย คนชอบพูดว่า นอร์แมน ก็โอเคนะ แต่ถ้าเชื่อสิ่งที่เขากล่าวว่าทุกอย่างจะสามารถใช้ได้ แต่มันจะดูน่าเกลียดทีเดียว ก็นะ ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อน
This is neat. Thank you for setting up my display. I mean, it's just wonderful. And I haven't the slightest idea of what it does or what it's good for, but I want it. And that's my new life. My new life is trying to understand what beauty is about, and "pretty," and "emotions." The new me is all about making things kind of neat and fun.
นี่มันเจ๋งมากๆ ขอบคุณที่จัดฉากทั้งหมดให้ผม ผมหมายถึงว่า นี่มันยอดไปเลย และผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันไว้ใช้ทำอะไร ผมแค่อยากได้ และนั่นแหละคือชีวิตใหม่ของผม ขีวิคใหม่ของผมคือการพยายามเข้าใจว่า ความสวยงาม คืออะไร รวมไปถึง ความน่ารัก และ อารมณ์ ต่างๆ ผมคนใหม่จะทำของที่เนี๊ยบๆ สนุกๆ
And so this is a Philippe Starck juicer, produced by Alessi. It's just neat; it's fun. It's so much fun I have it in my house -- but I have it in the entryway, I don't use it to make juice.
นี่คือที่คั้นน้ำผลไม้โดย ฟิลิปเป้ สตาร์ค (Philippe Starck) ผลิตโดยอะเลสซี่ (Alessi) มันแค่ดูเจ๋ง ดูสนุก จนผมต้องมีมันอยู่ในบ้าน ผมวางมันตรงทางเข้าบ้านนะ เพราะผมคงไม่ได้ใช้มันทำน้ำอะไรหรอก (เสียงหัวเราะ)
(Laughter)
ที่จริง ผมซื้อรุ่นพิเศษแบบชุบทองซะด้วยซ้ำ
In fact, I bought the gold-plated special edition and it comes with a little slip of paper that says, "Don't use this juicer to make juice." The acid will ruin the gold plating.
ที่มาพร้อมกับกระดาษเล็กๆ เขียนว่า กรุณาอย่าใช้คั้นน้ำผลไม้ เพราะกรดจะทำลายสีทองได้ (เสียงหัวเราะ)
(Laughter)
ที่จริง ผมเอาน้ำส้มจากกล่อง
So actually, I took a carton of orange juice and I poured it in the glass to take this picture.
เทลงในแก้วเพื่อถ่ายรูปนี้ (เสียงหัวเราะ)
(Laughter)
ที่เห็นด้านล่างนั่นคือมีดคุณภาพเยี่ยม
Beneath it is a wonderful knife. It's a Global cutting knife made in Japan. First of all, look at the shape -- it's just wonderful to look at. Second of all, it's really beautifully balanced: it holds well, it feels well. And third of all, it's so sharp, it just cuts. It's a delight to use. And so it's got everything, right? It's beautiful and it's functional. And I can tell you stories about it, which makes it reflective, and so you'll see I have a theory of emotion. And those are the three components.
ของโกลบอล (Global) จากญี่ปุ่น อย่างแรกเลย ลองดูรูปร่างที่ชวนมองของมัน อย่างที่สอง มันมีสมดุลที่ยอดเยี่ยม ถือได้เหมาะมือ สัมผัสก็เยี่ยม และอย่างที่สาม มันคมมาก ตัดได้แทบทุกอย่าง น่าใช้งานสุดๆ คุณสมบัติครบถ้วนเลยใช่มั้ยครับ ทั้งสวย ทั้งใช้งานได้จริง และผมสามารถเล่าเรื่องราวมากมาย ที่จะช่วยสะท้อน ให้คุณเห็นถึงทฤษฎีทางอารมณ์ของผม ที่ประกอบด้วย สามส่วนด้วยกัน ฮิโรชิ อิชิอิ (Hiroshi Ishii) กับทีมของเขา ที่ห้องปฏิบัติการทางสื่อของ MIT ติดตั้งเครื่องฉายภาพไว้ด้านบนโต๊ะปิงปอง
Hiroshi Ishii and his group at the MIT Media Lab took a ping-pong table and placed a projector above it, and on the ping-pong table they projected an image of water with fish swimming in it. And as you play ping-pong, whenever the ball hits part of the table, the ripples spread out and the fish run away. But of course, then the ball hits the other side, the ripples hit the -- poor fish, they can't find any peace and quiet.
แล้วฉายภาพน้ำบนโต๊ะปิงปอง กับปลาที่ว่ายอยู่ในนั้น เวลาคุณเล่นปิงปอง เมื่อไหร่ที่ลูกแตะโต๊ะ ระลอกคลื่นจะทำให้ปลาว่ายหนีไป แน่นอน พอลูกถูกตีไปอีกฝั่ง ระลอกคลื่นก็เกิดขึ้นอีก น่าสงสารเจ้าปลา มันคงไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่ๆ (เสียงหัวเราะ) มันเป็นวิธีปิงปองเล่นที่ดีมั้ยน่ะเรอะ
(Laughter)
ก็คงไม่ แต่มันสนุกหรือเปล่าล่ะ
Is that a good way to play ping-pong? No. But is it fun? Yeah! Yeah.
แน่นอน หรือดูกูเกิ้ล (Google) เป็นตัวอย่าง ถ้าคุณพิมพ์พร้อม อารมณ์กับการออกแบบ
Or look at Google. If you type in, oh say, "emotion and design," you get 10 pages of results. So Google just took their logo and they spread it out. Instead of saying, "You got 73,000 results. This is one through 20. Next," they just give you as many o's as there are pages. It's really simple and subtle. I bet a lot of you have seen it and never noticed it. That's the subconscious mind that sort of notices it -- it probably is kind of pleasant and you didn't know why. And it's just clever. And of course, what's especially good is, if you type "design and emotion," the first response out of those 10 pages is my website.
แล้วได้ผลลัพธ์ 10 หน้า กูเกิ้ลยืดโลโก้ให้ตัวอักษรยาวออก แทนที่จะบอกว่า คุณได้ผลลัพธ์ 73,000 รายการ นี่คือรายการที่ 1 ถึง 20 กดเพื่อดูรายการต่อไป พวกเค้าใช้การเพิ่มตัวโอตามจำนวนหน้าแทน มันดูง่ายและฉลาดมาก พนันว่าหลายคนเคยเห็น แต่ไม่ได้สังเกต และคงเป็นจิตใต้สำนึก ทำให้เห็น และพบว่ามันน่ามอง โดยที่คุณไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร มันเพี่ยงแค่แยบยลเท่านั้น แน่นอน อีกสิ่งที่เยี่ยมก็คือ ถ้าคุณพิมพ์ การออกแบบกับอารมณ์ ผลลัพธ์อันแรกที่เจอคือสิบหน้าเว็บไซต์ของผม (เสียงหัวเราะ)
(Laughter)
ที่แปลกก็คือกูเกิ้ลมันโกหก
Now, the weird thing is Google lies, because if I type "design and emotion," it says, "You don't need the 'and.' We do it anyway." So, OK. So I type "design emotion" and my website wasn't first again. It was third. Oh well, different story.
เพราะถ้าพิมพ์ การออกแบบกับอารมณ์ มันจะคิดว่า คุณไม่ต้องใช้คำว่า กับ เราเพิ่มมันให้อยู่แล้ว โอเค ผมเลยพิมพ์ว่า การออกแบบ อารมณ์ และเว็บไซต์ผมก็ร่วงจากที่หน้าแรก มาเป็นที่หน้าที่สาม ผมออกนอกเรื่องซะแล้ว หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ (The New York Times) ได้เขียนบทความวิจารณ์ที่ยอดเยี่ยมมากอยู่ฉบับหนึ่ง
There was this wonderful review in The New York Times about the MINI Cooper automobile. It said, "You know, this is a car that has lots of faults. Buy it anyway. It's so much fun to drive." And if you look at the inside of the car -- I mean, I loved it, I wanted to see it, I rented it, this is me taking a picture while my son is driving -- and the inside of the car, the whole design is fun. It's round, it's neat. The controls work wonderfully. So that's my new life; it's all about fun.
เกี่ยวกับรถมินิคูเปอร์ (MINI Cooper) บอกว่า คุณรู้มั้ย รถคันนี้มีข้อเสียเยอะมากทีเดียว ยังไงก็ตามจงซื้อมันซะ เพราะมันขับได้สนุกมาก และถ้าคุณมองเข้าไปในข้างในรถ ผมตกหลุมรักมัน ผมอยากเห็นมัน เลยเช่ามันมา นี่คือรูปที่ผมถ่าย ตอนลูกผมขับรถ และภายในตัวรถ ทุกอย่างมันดูสนุกมาก ดูโค้งมน ดูเนี๊ยบ ระบบควบคุมก็ทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก นั่นแหละผมชีวิตใหม่ ทุกอย่างต้องสนุก ผมรู้สึกจริงๆ ว่าของที่ดูดีจะทำงานได้ดีกว่า
I really have the feeling that pleasant things work better, and that never made any sense to me until I finally figured out -- look ... I'm going to put a plank on the ground. So, imagine I have a plank about two feet wide and 30 feet long and I'm going to walk on it, and you see I can walk on it without looking, I can go back and forth and I can jump up and down. No problem. Now I'm going to put the plank 300 feet in the air -- and I'm not going to go near it, thank you. Intense fear paralyzes you. It actually affects the way the brain works.
และผมไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนั้น แล้วผมก็คิดออก เอาล่ะ ผมจะวางแผ่นไม้ไว้บนพื้น ลองนึกภาพ ไม้หน้ากว้างซัก 2 ฟุต และยาว 30 ฟุต ผมจะเดินอยู่ข้างบน และอย่างที่เห็นผมเดินได้โดยไม่ต้องมอง เดินไป เดินมา กระโดดขึ้นๆ ลงๆ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าแผ่นไม้มันอยู่สูงขึ้นไป 300 ฟุตในอากาศล่ะ ผมไม่กล้าที่จะยืนใกล้ ขอบคุณมาก ความกลัวทำให้คุณชาไปหมด มันส่งผลกระทบกับการทำงานของสมอง
So, Paul Saffo, before his talk said that he didn't really have it down until just a few days or hours before the talk, and that anxiety was really helpful in causing him to focus. That's what fear and anxiety does; it causes you to be -- what's called depth-first processing -- to focus, not be distracted. And I couldn't force myself across that. Now some people can -- circus workers, steel workers. But it really changes the way you think.
พอล แซฟโฟ (Paul Saffo) กล่าวว่าตัวเขาไม่เคยเตรียมบทพูดเอาไว้ก่อน จนกว่าเหลือเวลาแค่ไม่กี่วัน หรือไม่กี่ชั่วโมงก่อนต้องพูดจริง และความกระวนกระวายนั้นช่วยให้เค้ามีสมาธิ นั่นแหละคือผลของความกลัวและความกังวล มันทำให้คุณเป็นคนที่ ประมวลผลในเชิงลึก (Depth-first processing) ทำให้เกิดสมาธิ ไม่วอกแวก และผมผลักตัวเองให้ข้ามจุดนั้นไปไม่ได้ บางคนก็ทำได้ เช่น นักกายกรรม พนักงานเชื่อมโครงสร้าง แต่มันเปลี่ยนความคิดของคุณไปโดยสิ้นเชิง
And then, a psychologist, Alice Isen, did this wonderful experiment. She brought students in to solve problems. So, she'd bring people into the room, and there'd be a string hanging down here and a string hanging down here. It was an empty room, except for a table with a bunch of crap on it -- some papers and scissors and stuff. And she'd bring them in, and she'd say, "This is an IQ test and it determines how well you do in life. Would you tie those two strings together?" So they'd take one string and they'd pull it over here and they couldn't reach the other string. Still can't reach it. And, basically, none of them could solve it. You bring in a second group of people, and you say, "Oh, before we start, I got this box of candy, and I don't eat candy. Would you like the box of candy?"
นักจิตวิทยาอลิซ อิเซน (Alice Isen) ได้ทำการทดลองที่น่าทึ่ง โดยให้นักเรียนแก้ปริศนา เธอจะนำคนเข้ามาในห้อง ที่มีเชือกห้อยลงมาตรงนี้ และตรงนี้ มันเป็นห้องว่างๆ กับโต๊ะที่มีของเกะกะอยู่เต็มไปหมด กระดาษเอย กรรไกรเอย และเธอจะนำคนเข้ามา และบอกว่า นี่เป็นการทดสอบไอคิว มันจะช่วยบอกว่า คุณจะประสบความสำเร็จในชีวิตมากแค่ไหน คุณช่วยผูกเชือก สองเส้นนั่น เข้าด้วยกันได้มั้ย พวกเขาจึงดึงเชือกเข้าหากัน แต่ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ดึงไม่ถึงซะที และแน่นอน ไม่มีใครที่แก้ปริศนานี้ได้ พอนำคนกลุ่มที่สองเข้ามา และบอกพวกเขาว่า เอาล่ะก่อนที่เราจะเริ่ม ฉันมีกล่องขนมอยู่ตรงนี้ และฉันไม่ชอบกินมันเท่าไหร่ คุณจะกินมันมั้ย
And turns out they liked it, and it made them happy -- not very happy, but a little bit of happy. And guess what -- they solved the problem. And it turns out that when you're anxious you squirt neural transmitters in the brain, which focuses you makes you depth-first. And when you're happy -- what we call positive valence -- you squirt dopamine into the prefrontal lobes, which makes you a breadth-first problem solver: you're more susceptible to interruption; you do out-of-the-box thinking. That's what brainstorming is about, right? With brainstorming we make you happy, we play games, and we say, "No criticism," and you get all these weird, neat ideas. But in fact, if that's how you always were you'd never get any work done because you'd be working along and say, "Oh, I got a new way of doing it." So to get work done, you've got to set a deadline, right? You've got be anxious. The brain works differently if you're happy. Things work better because you're more creative. You get a little problem, you say, "Ah, I'll figure it out." No big deal.
พวกเขาชอบมัน และนั่นมันทำให้พวกเขาอารมณ์ดี อาจจะไม่มาก แค่นิดๆ หน่อย และรู้อะไรมั้ย พวกเขาแก้ปริศนานั้นได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือเมื่อคุณกระวนกระวายใจ ระดับของสารนำประสาทจะเพิ่มขึ้นในสมอง ทำให้คุณมีสมาธิ ทำให้คุณคิดในเชิงลึกได้ และเมื่อคุณมีความสุข หรือเพิ่มตัวกระตุ้นทางบวก (Positive valence) เข้าไป ระดับของโดพามีน (dopamine) จะเพิ่มขึ้นในสมองส่วนหน้า ทำให้คุณแก้ปัญหาในเชิงกว้างได้ดี คุณจะไวต่อสิ่งกระตุ้นมากขึ้น คุณจะคิดนอกกรอบ และนั่นคือเรื่องเกี่ยวกับของการระดมสมองอยู่แล้ว ใช่มั้ย การระดมสมองทำให้คุณอารมณ์ดี เหมือนการเล่นเกมส์ เราพูดว่า ห้ามวิพากษ์ วิจารณ์ เราจึงได้ความคิดแบบแปลกๆ เจ๋งๆ มา แต่ในความจริง ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณเป็น คุณคงไม่มีทางทำอะไรสำเร็จได้ เพราะคุณจะมัวแต่พูดว่า โอ้วพระเจ้า ฉันเจอวิธีใหม่ๆ อีกแล้ว เพื่อที่จะให้งานสำเร็จ คุณต้องกำหนดเส้นตายใช่มั้ย คุณจะได้กระวนกระวาย สมองจึงทำงานต่างออกไป ถ้าคุณอารมณ์ดี คุณจะมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เมื่อพบกับปัญหาคุณจะพูดว่า เดี๋ยวก็คิดออกน่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
There's something I call the visceral level of processing, and there will be visceral-level design. Biology -- we have co-adapted through biology to like bright colors. That's especially good that mammals and primates like fruits and bright plants, because you eat the fruit and you thereby spread the seed. There's an amazing amount of stuff that's built into the brain. We dislike bitter tastes, we dislike loud sounds, we dislike hot temperatures, cold temperatures. We dislike scolding voices. We dislike frowning faces; we like symmetrical faces, etc., etc. So that's the visceral level. In design, you can express visceral in lots of ways, like the choice of type fonts and the red for hot, exciting. Or the 1963 Jaguar: It's actually a crummy car, falls apart all the time, but the owners love it. And it's beautiful -- it's in the Museum of Modern Art. A water bottle: You buy it because of the bottle, not because of the water. And when people are finished, they don't throw it away. They keep it for -- you know, it's like the old wine bottles, you keep it for decoration or maybe fill it with water again, which proves it's not the water. It's all about the visceral experience.
มันมีบางอย่างที่ผมเรียกว่าการประมวลผลแบบสัญชาตญาณ คู่กันไปกับการออกแบบที่เน้นสัญชาตญาณเป็นหลัก อย่างที่พบในวิชาชีววิทยา เราถูกวิวัฒนาการมาให้ชอบสีสันที่สดใส มันเป็นสิ่งที่ดีที่พวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์จำพวกลิงที่ชอบผลไม้ และผักที่สีสันสดใส เพราะเมื่อคุณกินมัน คุณก็ช่วยกระจายเมล็ดพันธุ์ของมันไปในตัว มีข้อมูลตั้งมากมายที่ถูกฝังเข้าไปในสมองของเรา เราไม่ชอบรสขม เราเกลียดเสียงดัง เราไม่ชอบให้อากาศร้อนหรือเย็นเกินไป เราไม่ชอบเสียงตะโกนหรือหน้าตาที่บึ้งตึง เราชอบหน้าสมส่วน และอื่นๆ อีกมากมาย และนั่นแหละคือสัญชาตญาณ ในการออกแบบ คุณสามารถพบเห็นสิ่งนี้ได้อยู่ทั่วไป อย่างเช่นการเลือกตัวอักษรและสีแดงเพื่อสื่อถึงความร้อนแรง และน่าตื่นเต้น หรือรถจากัวร์ปี 1963 รถแย่ๆ คันหนึ่ง ที่เสียอยู่ตลอดเวลา แต่เจ้าของก็ยังรักมัน และมันสวยงามมาก ซึ่งตอนนี้ถูกรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ ขวดน้ำ คุณซื้อมันเพราะขวด ไม่ใช่เพราะน้ำ เพราะเมื่อดื่มเสร็จ พวกเขาไม่ได้ทิ้งมันในทันที เขาเก็บมันไว้ เหมือนขวดไวน์เก่าๆ เป็นของแต่งบ้าน หรือไม่ก็ไว้เติมน้ำอีกครั้ง ซึ่งพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการซื้อน้ำเลย ทั้งหมดมันเกี่ยวกับสัญชาตญาณที่ผ่านมา ระดับที่สองต่อมา คือการประมวลผลเชิงพฤติกรรม
The middle level of processing is the behavioral level and that's actually where most of our stuff gets done. Visceral is subconscious, you're unaware of it. Behavioral is subconscious, you're unaware of it. Almost everything we do is subconscious. I'm walking around the stage -- I'm not attending to the control of my legs. I'm doing a lot; most of my talk is subconscious; it has been rehearsed and thought about a lot. Most of what we do is subconscious. Automatic behavior -- skilled behavior -- is subconscious, controlled by the behavioral side. And behavioral design is all about feeling in control, which includes usability, understanding -- but also the feel and heft.
และนั่นเป็นที่ๆ การทำงานส่วนใหญ่เกิดขึ้น สัญชาตญาณนั้นอยู่ในจิตใต้สำนึก คุณไม่เคยรับรู้การมีอยู่ของมัน เช่นเดียวกับพฤติกรรม คุณไม่รู้ แทบทุกอย่างที่เราทำนั้นอยู่ในจิตใต้สำนึก ผมกำลังเดินอยู่บนเวที แต่ผมแทบไม่ต้องควบคุมขาของผมซะด้วยซ้ำ การพูดครั้งนี้ของผมก็อยู่ในจิตใต้สำนึก มันถูกซ้อมและถูกคิดมาอย่างถี่ถ้วน ทุกๆ อย่างที่เราทำล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้จิตใต้สำนึก เป็นการกระทำอัตโนมัติ ภายใต้จิตใต้สำนึก ซึ่งถูกควบคุมโดยพฤติกรรม และการออกแบบเชิงพฤติกรรม เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกในการควบคุม เกี่ยวกับการใช้งาน การเข้าใจ การสัมผัส และน้ำหนัก ควบคู่กันไป นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมีดของโกลบอลถึงได้เจ๋งนัก
That's why the Global knives are so neat. They're so nicely balanced, so sharp, that you really feel you're in control of the cutting. Or, just driving a high-performance sports car over a demanding curb -- again, feeling that you are in complete control of the environment. Or the sensual feeling. This is a Kohler shower, a waterfall shower, and actually, all those knobs beneath are also showerheads. It will squirt you all around and you can stay in that shower for hours -- and not waste water, by the way, because it recirculates the same dirty water.
เพราะมันมีสมดุลที่ยอดเยี่ยม กับความคมที่เป็นเลิศ ทำให้คุณรู้สึกว่าสามารถควบคุมการหั่นได้เป็นอย่างดี หรือแค่การขับรถสปอร์ตแรงๆ ซักคัน ทิ้งตัวเข้าทางโค้ง อีกครั้งเป็นความรู้สึกว่าคุณ สามารถควบคุมองค์ประกอบทุกอย่างได้ พร้อมๆ ไปกับสัมผัสที่เร้าอารมณ์ นี่คือฝักบัวน้ำตกของโคเลอร์ (Kohler) และปุ่มทั้งหมดนั่นก็เป็นหัวฝักบัวด้วยเช่นกัน มันจะฉีดไปรอบๆ ตัวคุณ ทำให้คุณอาบน้ำอยู่ได้เป็นชั่วโมง โดยที่ไม่เปลืองน้ำ โดยมีวิธี เพราะมันจะนำน้ำสกปรกที่ใช้แล้ว มาใช้ใหม่เรื่อยๆ (เสียงหัวเราะ)
(Laughter)
หรือไม่ก็ของชิ้นนี้ กาน้ำชาสุดแจ๋วที่ผมพบ
Or this -- this is a really neat teapot I found at high tea at The Four Seasons Hotel in Chicago. It's a Ronnefeldt tilting teapot. That's kind of what the teapot looks like but the way you use it is you lay it on its back, and you put tea in, and then you fill it with water. The water then seeps over the tea. And the tea is sitting in this stuff to the right -- the tea is to the right of this line. There's a little ledge inside, so the tea is sitting there and the water is filling it up like that. And when the tea is ready, or almost ready, you tilt it. And that means the tea is partially covered while it completes the brewing. And when it's finished, you put it vertically, and now the tea is -- you remember -- above this line and the water only comes to here -- and so it keeps the tea out. On top of that, it communicates, which is what emotion does.
ที่โรงแรมโฟร์ ซีซั่น (Four Seasons) ที่ชิคาโก มันคือกาน้ำชาแบบเอียงของรอนเนเฟลท์ (Ronnefeldt tilting teapot) รูปร่างมันก็คล้ายๆ กับกาน้ำชาทั่วไปน่ะแหละ แต่คุณต้องวางมันหงายหลัง แล้วจึงค่อยใส่ใบชาลงไป จากนั้นจึงเติมน้ำ ให้น้ำได้ซึมทั่วใบชา ใบชาจะกองอยู่ทางด้านขวา ของเส้นกาน้ำชานั้น โดยที่ภายในมีที่กั้น แบ่งให้ใบชาอยู่ในฝั่งของมัน แล้วคุณก็เติมน้ำลงไปทั้งอย่างนั้นเลย พอเกือบได้ที่ คุณก็เอียงมัน และมันทำให้ใบชาแช่น้ำอยู่เพียงบางส่วน จนมันได้ที่ คุณก็ตั้งมันให้ตรง และนี้การทำน้ำชา จำใว้ว่า ให้ใบชาเหนือเส้นนี้ น้ำชาอยู่เหนือเส้น และใบชาแยกออกมา ที่มากไปกว่านั้น คือมันช่วยสื่อสาร ซึ่งเป็นหน้าที่ของอารมณ์อยู่แล้ว อารมณ์คือการแสดงออก เป็นการแสดงอกจริงๆ
Emotion is all about acting; emotion is really about acting. It's being safe in the world. Cognition is about understanding the world, emotion is about interpreting it -- saying good, bad, safe, dangerous, and getting us ready to act, which is why the muscles tense or relax. And that's why we can tell the emotion of somebody else -- because their muscles are acting, subconsciously, except that we've evolved to make the facial muscles really rich with emotion. Well, this has emotions if you like, because it signals the waiter that, "Hey, I'm finished. See -- upright." And the waiter can come by and say, "Would you like more water?" It's kind of neat. What a wonderful design.
เป็นเรื่องของการเอาตัวรอดในโลก เมื่อการรับรู้ทำความเข้าใจ อารมณ์มีหน้าที่ตีความมัน ช่วยบอกว่ามันดี แย่ ปลอดภัย หรืออันตราย ช่วยให้เราเตรียมพร้อม นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมกล้ามเนื้อถึงเกร็งและผ่อน และเป็นเหตุผลว่าทำไมเราเข้าถึงอารมณ์ของผู้อื่นได้ เพราะกล้ามเนื้อกำลังแสดงออก ผ่านจิตใต้สำนึก และเราได้วิวัฒนาการมันจนตีความหมายได้มากมาย อย่างเช่นอารมณ์พวกนี้ เพราะมันช่วยส่งสัญญาณบอกบริกรว่า คุณ ฉันกินเสร็จแล้วนะ มองฉันสิ บริกรก็จะมาหาและพูดว่า คุณต้องการน้ำเพิ่มหรือเปล่าครับ มันเจ๋งมาก เป็นการออกแบบที่เยี่ยมยอด ระดับที่สามคือการสะท้อน
And the third level is reflective, which is, if you like the superego, it's a little part of the brain that has no control over what you do, no control over the -- doesn't see the senses, doesn't control the muscles. It looks over what's going on. It's that little voice in your head that's watching and saying, "That's good. That's bad." Or, "Why are you doing that? I don't understand." It's that little voice in your head that's the seat of consciousness.
นั่นคือถ้าหากคุณมีเชื่อมั่นสูง มันคือส่วนเล็กๆ ในสมองที่ไม่สามารถควบคุมสิ่งที่คุณทำได้ ไม่มีการควบคุม ไม่รับรู้ความมีสติ ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้ มันแค่ช่วยดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันคือเสียงเล็กๆ ในหัวของคุณ ที่คอยจ้องมองและบอกว่า นั่นมันดี นั่นมันแย่ หรือไม่ก็ ทำไมคุณทำอย่างนั้นล่ะ ฉันไม่เข้าใจ มันเป็นเสียงเล็กๆ ในหัว จากจิตสำนึกของคุณ นี่คือตัวอย่างผลิตภัณฑ์ของการออกแบบระดับในนี้
Here's a great reflective product. Owners of the Hummer have said, "You know I've owned many cars in my life -- all sorts of exotic cars, but never have I had a car that attracted so much attention." It's about attention. It's about their image, not about the car. If you want a more positive model -- this is the GM car. And the reason you might buy it now is because you care about the environment. And you'll buy it to protect the environment, even though the first few cars are going to be really expensive and not perfected. But that's reflective design as well. Or an expensive watch, so you can impress people -- "Oh gee, I didn't know you had that watch." As opposed to this one, which is a pure behavioral watch, which probably keeps better time than the $13,000 watch I just showed you. But it's ugly. This is a clear Don Norman watch.
เจ้าของรถฮัมเมอร์ (Hummer) พูดว่า ผมได้ซื้อรถมาหลายคันแล้ว รถหรูๆ มากมาย แต่ผมไม่เคยซื้อรถที่ดึงดูดความสนใจได้มากขนาดนี้มาก่อน มันเกี่ยวกับการดึงดูดความสนใจ เกี่ยวกับภาพพจน์ ไม่ได้เกี่ยวกับรถ ถ้าคุณต้องการตัวอย่างที่ดีกว่านี้ล่ะก็ ลองรถจากจีเอ็ม (GM) เหตุผลที่คุณอาจซื้อมันในตอนนี้ ก็เพราะคุณเป็นคนที่ห่วงสิ่งแวดล้อม และคุณจะซื้อมันเพื่อปกป้องธรรมชาติเอาไว้ แม้ว่ารถคันแรกๆ จะมีราคาค่อนข้างสูง และมีข้อบกพร่องบ้างก็ตาม แต่นั่นก็นับเป็นการออกแบบเชิงสะท้อนได้เช่นเดียวกัน หรือไม่ก็นาฬิการาคาแพง เพื่อสร้างความประทับใจ ว้าว ฉันไม่รู้นะเนี่ยว่าคุณมีนาฬิกาเรือนนั้นด้วย ต่างจากนาฬิกาเรือนนี้ ที่เน้นการใช้งานเป็นหลัก ที่ไม่แน่อาจรักษาเวลาได้ดีกว่าเจ้าเรือนละ 13,000 ดอลล่าร์ ที่ผมเพิ่งอวดคุณเห็นซะอีก แต่หน้าตามันอาจน่าเกลียดอยู่ซักหน่อย เจ้านาฬิกาเรือนนี้มันมีชื่อผมเขียนอยู่ขัดเจน และบางครั้งคุณพยายามเจ๋ง พรางความรูสึกต้านผู้อื่น เพราะรู้สึกกลัวอยู่ลึกๆ ระหว่างเสียงสะท้อนที่บอกว่า มันโอเคๆ มันปลอดภัยๆ
And what's neat is sometimes you pit one emotion against the other, the visceral fear of falling against the reflective state saying, "It's OK. It's OK. It's safe. It's safe." If that amusement park were rusty and falling apart, you'd never go on the ride. So, it's pitting one against the other. The other neat thing ...
ลองนึกสวนสนุกที่ขึ้นสนิม และกำลังหลุดเป็นชิ้นๆ คุณคงไม่อยากจะไปนั่งบนเครื่องเล่นแน่ๆ เพราะฉะนั้นมันคือการพรางซึ่งกันและกัน อีกอย่างที่เนี๊ยบมากๆ (เสียงหัวเราะ) คนทำเฟอร์นิเจอร์ที่ชื่อว่า เจค เคลส (Jake Cress) ได้ทำเฟอร์นิเจอร์ที่ดูน่าทึ่งเหล่านี้
(Laughter)
และนี่คือเก้าอี้ที่มีกรงเล็บ และเจ้าเก้าอี้ที่น่าสงสารตัวนี้ทำอัณฑะหายไป
So Jake Cress is this furniture maker, and he makes this unbelievable set of furniture. And this is his chair with claw, and the poor little chair has lost its ball and it's trying to get it back before anybody notices. And what's so neat about it is how you accept that story. And that's what's nice about emotion.
มันเลยพยายามหามันให้เจอก่อนที่ใครจะรู้เข้า สิ่งที่เจ๋งก็คือคุณเชื่อเรื่องราวพวกนั้นอย่างไร นั่นแหละคืออารมณ์ความรู้สึก และนั่นแหละผมคนใหม่ จากนี้เป็นต้นไปผมจะพูดถึงแต่สิ่งดีๆ (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ)
So that's the new me. I'm only saying positive things from now on.
(Laughter)
(Applause)