There is something you know about me, something very personal, and there is something I know about every one of you and that's very central to your concerns. There is something that we know about everyone we meet anywhere in the world, on the street, that is the very mainspring of whatever they do and whatever they put up with. And that is that all of us want to be happy. In this, we are all together. How we imagine our happiness, that differs from one another, but it's already a lot that we have all in common, that we want to be happy.
มีบางอย่าง ที่คุณรู้เกี่ยวกับตัวผม อะไรบางอย่างที่ส่วนตัวมากๆ และก็มีบางอย่างที่ผมรู้ เกี่ยวกับพวกคุณทุกๆ คน และสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญในความคิดของพวกคุณ มีบางอย่างที่พวกเรารู้ เกี่ยวกับทุกคนที่เราเจอในทุกๆ ที่บนโลกนี้ หรือบนท้องถนน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ ที่พวกเขาจะทำอะไรก็ตาม และยอมอดทนต่อสิ่งใดๆ และนั่นก็คือสิ่งที่ว่าพวกเราทุกคน ต้องการจะมีความสุข พวกเราทุกคนอยู่ด้วยกันในสิ่งนี้ ความสุขที่พวกเราจินตนาการ แตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่สิ่งที่พวกเรามีเหมือนกันก็มากอยู่แล้ว
Now my topic is gratefulness.
นั่นก็คือการที่พวกเราอยากมีความสุข
What is the connection between happiness and gratefulness? Many people would say, well, that's very easy. When you are happy, you are grateful. But think again. Is it really the happy people that are grateful? We all know quite a number of people who have everything that it would take to be happy, and they are not happy, because they want something else or they want more of the same. And we all know people who have lots of misfortune, misfortune that we ourselves would not want to have, and they are deeply happy. They radiate happiness. You are surprised. Why? Because they are grateful. So it is not happiness that makes us grateful. It's gratefulness that makes us happy. If you think it's happiness that makes you grateful, think again. It's gratefulness that makes you happy.
หัวข้อของผมในตอนนี้ก็คือความรู้สึกขอบคุณ ความสุขและความรู้สึกขอบคุณนี้ เชื่อมโยงกันได้อย่างไร หลายคนอาจจะพูดว่า นั่นพูดง่ายมาก เวลาที่คุณมีความสุข คุณก็จะรู้สึกขอบคุณ แต่ลองคิดดูอีกครั้ง คนที่มีความสุขนั้นรู้สึกขอบคุณจริงๆ หรือ เราทุกคนต่างรู้จักผู้คนจำนวนหนึ่ง ที่มีทุกสิ่งที่จะทำให้มีความสุข และพวกเขาไม่มีความสุข เพราะพวกเขาต้องการอย่างอื่น หรือไม่ก็ต้องการมากกว่าเดิม และพวกเราทุกคนก็รู้จัก ผู้คนที่มีเรื่องโชคร้ายมากมาย เรื่องโชคร้ายที่พวกเราเองต่างก็ไม่ต้องการ และพวกเขามีความสุขอย่างมาก พวกเขาเต็มไปด้วยความสุข คุณรู้สึกประหลาดใจ ทำไมหรือ เพราะพวกเขารู้สึกขอบคุณ ดังนั้น ความสุขจึงไม่ได้ทำให้พวกเรารู้สึกขอบคุณ แต่ความรู้สึกขอบคุณที่ทำให้พวกเรามีความสุข หากคุณคิดว่าความสุขทำให้รู้สึกขอบคุณ ลองคิดใหม่อีกครั้ง ความรู้สึกขอบคุณต่างหากที่ทำให้คุณมีความสุข
Now, we can ask, what do we really mean by gratefulness? And how does it work? I appeal to your own experience. We all know from experience how it goes. We experience something that's valuable to us. Something is given to us that's valuable to us. And it's really given. These two things have to come together. It has to be something valuable, and it's a real gift. You haven't bought it. You haven't earned it. You haven't traded it in. You haven't worked for it. It's just given to you. And when these two things come together, something that's really valuable to me and I realize it's freely given, then gratefulness spontaneously rises in my heart, happiness spontaneously rises in my heart. That's how gratefulness happens.
ตอนนี้ เราอาจถามว่า ความรู้สึกขอบคุณหมายถึงอะไรกันแน่ และมันมีกระบวนการอย่างไร ผมขอร้องให้คิดถึงประสบการณ์ของคุณเอง เราต่างรู้จากประสบการณ์ว่ามันทำงานอย่างไร เราพบเจอกับบางอย่าง ที่มีคุณค่าต่อเรา บางอย่างที่เราได้รับและมีคุณค่าต่อเรา และถูกส่งมาให้จริงๆ สองสิ่งนี้ต้องมาพร้อมกัน มันต้องเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และเป็นของขวัญจริงๆ คุณไม่ได้ซื้อมัน คุณไม่ได้สมควรได้มัน คุณไม่ได้ซื้อขายมันมา คุณไม่ได้ทำงานเพื่อมัน มันแค่ถูกส่งมาให้คุณ และเมื่อทั้งสองสิ่งนี้รวมกัน บางสิ่งที่มีคุณค่ากับผม และผมตระหนักว่ามันถูกส่งมาให้อย่างฟรีๆ เมื่อนั้น ความรู้สึกขอบคุณเกิดขึ้น อย่างทันทีทันใดในหัวใจของผม ความสุขเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใดในหัวใจของผม
Now the key to all this is that we cannot only experience this once in a while. We cannot only have grateful experiences. We can be people who live gratefully. Grateful living, that is the thing. And how can we live gratefully? By experiencing, by becoming aware that every moment is a given moment, as we say. It's a gift. You haven't earned it. You haven't brought it about in any way. You have no way of assuring that there will be another moment given to you, and yet, that's the most valuable thing that can ever be given to us, this moment, with all the opportunity that it contains. If we didn't have this present moment, we wouldn't have any opportunity to do anything or experience anything, and this moment is a gift. It's a given moment, as we say.
นั่นคือการที่ความสุขเกิดขึ้น กุญแจสำคัญสำหรับเรื่องนี้ก็คือ เราไม่สามารถเป็นผู้ที่มีประสบการณ์เช่นนี้เพียงนานๆ ครั้ง เราไม่สามารถมีประสบการณ์ ที่ทำให้รู้สึกขอบคุณอย่างเดียวเท่านั้น เราสามารถเป็นคนที่ใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกขอบคุณ การใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกขอบคุณ นั่นละคือสิ่งสำคัญ และเราจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร โดยการประสบพบเจอ โดยการรู้ตัวอยู่ ว่าทุกขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่ได้รับมา อย่างที่พวกเราพูดกันว่า มันคือของขวัญ คุณไม่ได้ทำอะไรที่สมควรให้ได้มันมา คุณไม่ได้นำมันมาไม่ว่าจะด้วยวิธีใด คุณไม่มีทางมั่นใจได้ว่าจะได้รับ ช่วงเวลาแบบนี้อีก แต่มันก็ยังเป็น สิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด เท่าที่เราจะเคยได้รับมา ช่วงขณะนี้ ที่มีโอกาสทั้งหมดอยู่ หากเราไม่มีช่วงเวลาปัจจุบัน เราก็จะไม่มีโอกาสที่จะทำอะไร หรือประสบพบเจอกับอะไรก็ตาม และช่วงเวลานี้คือของขวัญ เป็นช่วงขณะที่ถูกให้มา อย่างที่เราพูดกัน
Now, we say the gift within this gift is really the opportunity. What you are really grateful for is the opportunity, not the thing that is given to you, because if that thing were somewhere else and you didn't have the opportunity to enjoy it, to do something with it, you wouldn't be grateful for it. Opportunity is the gift within every gift, and we have this saying, opportunity knocks only once. Well, think again. Every moment is a new gift, over and over again, and if you miss the opportunity of this moment, another moment is given to us, and another moment. We can avail ourselves of this opportunity, or we can miss it, and if we avail ourselves of the opportunity, it is the key to happiness. Behold the master key to our happiness in our own hands. Moment by moment, we can be grateful for this gift.
ที่จริง เราพูดว่าของขวัญภายในของขวัญชิ้นนี้ จริงๆแล้วคือโอกาส สิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณก็คือโอกาส ไม่ใช่สิ่งที่คุณได้รับ เพราะหากสิ่งนั้นไปอยู่ที่อื่น และคุณไม่มีโอกาสที่จะเพลิดเพลินกับมัน หรือทำอะไรกับมัน คุณก็จะไม่รู้สึกขอบคุณสิ่งนั้น โอกาสคือของขวัญภายในทุกๆ ของขวัญ และเรามีคำพูดที่ว่า โอกาสจะมาหาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่จริงแล้ว ลองคิดใหม่ ทุกๆช่วงขณะคือของขวัญชิ้นใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และหากคุณพลาดโอกาสของช่วงขณะนี้ ช่วงเวลาอื่นก็จะถูกมอบให้กับคุณ และช่วงเวลาอื่นอีก พวกเราสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ หรือพลาดมันไปก็ได้ และหากเราใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ นี่แหละก็คือกุญแจสำคัญของความสุข กุญแจสำคัญสู่ความสุขของเรานั้น อยู่ในมือของเรา ในแต่ละขณะ
Does that mean that we can be grateful for everything? Certainly not. We cannot be grateful for violence, for war, for oppression, for exploitation. On the personal level, we cannot be grateful for the loss of a friend, for unfaithfulness, for bereavement. But I didn't say we can be grateful for everything. I said we can be grateful in every given moment for the opportunity, and even when we are confronted with something that is terribly difficult, we can rise to this occasion and respond to the opportunity that is given to us. It isn't as bad as it might seem. Actually, when you look at it and experience it, you find that most of the time, what is given to us is the opportunity to enjoy, and we only miss it because we are rushing through life and we are not stopping to see the opportunity.
เราสามารถรู้สึกขอบคุณต่อของขวัญชิ้นนี้ นั่นหมายความว่า พวกเราสามารถรู้สึกขอบคุณต่อทุกอย่างได้ใช่ไหม แน่นอนว่าไม่ใช่ เราไม่สามารถรู้สึกขอบคุณกับความรุนแรง สงคราม การกดขี่ข่มเหง การหาประโยชน์ใส่ตัว ในระดับส่วนบุคคล พวกเราไม่สามารถรู้สึกขอบคุณต่อ การสูญเสียเพื่อน ความไม่ซื่อสัตย์ การสูญเสียญาติหรือเพื่อสนิท ผมไม่ได้พูดว่าเราสามารถรู้สึกขอบคุณสำหรับทุกอย่างได้ แต่ผมพูดว่าเราสามารถรู้สึกขอบคุณ ในทุกขณะเวลาที่เรามี สำหรับโอกาส และแม้กระทั่งในช่วงเวลาที่เราต้องเผชิญ กับบางสิ่งที่ยากลำบากมากๆ เราสามารถเติบโตในช่วงเวลาเช่นนี้ และใช้โอกาสที่เราได้รับมาให้แก่เรา มันไม่ได้แย่อย่างที่เห็น ที่จริงแล้ว เมื่อคุณมองและลองประสบมัน คุณพบว่าในหลายครั้ง สิ่งที่เราได้รับ คือโอกาสที่จะเพลิดเพลิน และพวกเราพลาดมันไปเพราะ พวกเราใช้ชีวิตที่รีบร้อน และพวกเราไม่หยุดที่จะมองหาโอกาส
But once in a while, something very difficult is given to us, and when this difficult thing occurs to us, it's a challenge to rise to that opportunity, and we can rise to it by learning something which is sometimes painful. Learning patience, for instance. We have been told that the road to peace is not a sprint, but is more like a marathon. That takes patience. That's difficult. It may be to stand up for your opinion, to stand up for your conviction. That's an opportunity that is given to us. To learn, to suffer, to stand up, all these opportunities are given to us, but they are opportunities, and those who avail themselves of those opportunities are the ones that we admire. They make something out of life. And those who fail get another opportunity. We always get another opportunity. That's the wonderful richness of life.
แต่นานๆ สักครั้ง บางสิ่งที่ยากลำบากได้ถูกมอบให้กับเรา และเมื่อสิ่งที่ยากลำบากนี้เกิดขึ้น นั่นคือความท้าทายที่จะใช้โอกาสนี้ลุกขึ้นมา และเราสามารถลุกขึ้นมาเรียนรู้อะไรบางอย่าง ซิ่งบางครั้งก็เจ็บปวด รู้จักความอดทน เป็นต้น เราเคยได้ยินว่าหนทางสู่สันติภาพนั้น ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น แต่คือการวิ่งมาราธอน มันใช้ความอดทน มันยากลำบาก นั่นอาจจะคือการยืนหยัดกับความคิดเห็นของตน คือการลุกขึ้นมาเพื่อสิ่งที่เชื่อมั่น นั่นคือโอกาสที่พวกเราได้รับ เพื่อที่จะเรียนรู้ เพื่อที่จะทุกข์ทรมาน เพื่อที่จะลุกขึ้นมา โอกาสเหล่านี้ถูกส่งมาให้เรา มันคือโอกาส และผู้ที่ใช้ประโยชน์ จากโอกาสเหล่านี้ คือผู้ที่เราชื่นชม พวกเราทำอะไรบางอย่างในชีวิต และผู้ที่ผิดพลาดก็ได้รับโอกาสอีกครั้ง พวกเราได้รับโอกาสอีกครั้งเสมอ นั่นคือความอุดมสมบูรณ์ที่งดงามของชีวิต
So how can we find a method that will harness this? How can each one of us find a method for living gratefully, not just once in a while being grateful, but moment by moment to be grateful. How can we do it? It's a very simple method. It's so simple that it's actually what we were told as children when we learned to cross the street. Stop. Look. Go. That's all. But how often do we stop? We rush through life. We don't stop. We miss the opportunity because we don't stop. We have to stop. We have to get quiet. And we have to build stop signs into our lives.
แล้วเราจะหาหนทาง ที่จะควบคุมสิ่งนี้ได้อย่างไร เราแต่ละคนจะหาหนทาง เพื่อใช้ชีวิตอย่างซาบซึ้ง ไม่ใช่รู้สึกขอบคุณเพียงครั้งครา แต่ทุกๆ ขณะก็รู้สึกขอบคุณ เราจะสามารถทำอย่างนั้นได้อย่างไร มันเป็นหนทางที่ง่ายมาก มันง่ายมากและอันที่จริงพวกเราเคยได้ยิน ในตอนเด็ก เมื่อพวกเราเรียนรู้ที่จะข้ามถนน หยุด มอง ไป เพียงเท่านี้ แต่กี่ครั้งกันล่ะที่พวกเราหยุด พวกเราใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ พวกเราไม่หยุด เราพลาดโอกาสเพราะเราไม่หยุด เราต้องหยุด เราต้องเข้าสู่ความเงียบ และเราต้องสร้างป้ายหยุด ในชีวิตของเรา
When I was in Africa some years ago and then came back, I noticed water. In Africa where I was, I didn't have drinkable water. Every time I turned on the faucet, I was overwhelmed. Every time I clicked on the light, I was so grateful. It made me so happy. But after a while, this wears off. So I put little stickers on the light switch and on the water faucet, and every time I turned it on, water. So leave it up to your own imagination. You can find whatever works best for you, but you need stop signs in your life. And when you stop, then the next thing is to look. You look. You open your eyes. You open your ears. You open your nose. You open all your senses for this wonderful richness that is given to us. There is no end to it, and that is what life is all about, to enjoy, to enjoy what is given to us.
เมื่อผมอยู่ที่แอฟริกาหลายปีก่อน และกลับมา ผมสังเกตเห็นน้ำ ในแอฟริกาที่ผมอยู่ ไม่มีน้ำที่สามารถดื่มได้ ทุกๆ ครั้งที่ผมเปิดก๊อกน้ำ ผมรู้สึกดีใจ ทุกครั้งที่ผมเปิดไฟ ผมรู้สึกขอบคุณ มันทำให้ผมรู้สึกมีความสุขมาก แต่หลังจากนั้นไม่นาน มันก็เริ่มลดลง ผมเลยติดสติ๊กเกอร์บนสวิตช์ไฟ และบนก๊อกน้ำ และทุกครั้งที่ผมเปิดน้ำ ปล่อยเป็นเรื่องของจินตนาการของคุณ คุณจะพบวิธีที่เหมาะสมที่สุดกับคุณ แต่คุณต้องการป้ายหยุดในชีวิต และเมื่อคุณหยุด สิ่งต่อมาคือมอง คุณมอง คุณเปิดตา คุณเปิดหูของคุณ คุณเปิดจมูกของคุณ คุณเปิดทุกสัมผัสของคุณ สำหรับความมั่งคั่งที่งดงามที่พวกเราได้รับ มันไม่มีจุดจบ และนี่คือความหมายของชีวิต เพื่อเพลิดเพลินกับสิ่งที่เราได้รับ
And then we can also open our hearts, our hearts for the opportunities, for the opportunities also to help others, to make others happy, because nothing makes us more happy than when all of us are happy. And when we open our hearts to the opportunities, the opportunities invite us to do something, and that is the third. Stop, look, and then go, and really do something. And what we can do is whatever life offers to you in that present moment. Mostly it's the opportunity to enjoy, but sometimes it's something more difficult.
และพวกเรายังสามารถเปิดใจของเรา เปิดใจเพื่อโอกาสมากมาย โอกาสมากมายที่จะช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อทำให้พวกเขามีความสุข เพราะไม่มีสิ่งใดทำให้เรามีความสุขไปมากกว่า การที่พวกเราทุกคนมีความสุข และเมื่อเราเปิดใจกับโอกาสมากมาย โอกาสนั้นจะเชิญเราให้ไปไปทำอะไรบางอย่าง และนั่นคืออย่างที่สาม หยุด มอง และไป และทำอะไรสักอย่าง และสิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ก็คือ ไม่ว่าชีวิตจะเสนออะไรให้กับเราในช่วงขณะนั้น ส่วนมากแล้วมันก็คือโอกาสที่จะเพลิดเพลิน แต่ในบางครั้ง มันก็เป็นสิ่งที่ยากกว่านั้น
But whatever it is, if we take this opportunity, we go with it, we are creative, those are the creative people. And that little stop, look, go, is such a potent seed that it can revolutionize our world. Because we are at the present moment in the middle of a change of consciousness, and you will be surprised if you -- I am always surprised when I hear how many times this word "gratefulness" and "gratitude" comes up. Everywhere you find it, a grateful airline, a restaurant gratefulness, a café gratefulness, a wine that is gratefulness. Yes, I have even come across a toilet paper whose brand is called "Thank You."
แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม หากพวกเราใช้โอกาส เราใช้โอกาสนี้ พวกเรามีความคิดสร้างสรรค์ นั่นคือคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และการหยุด มอง ไป เป็นเมล็ดพันธุ์ที่แสนจะมีศักยภาพ และมันสามารถเปลี่ยนแปลงโลกของเราได้ เพราะพวกเราต้องการ ในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสติ และคุณจะตกใจหากคุณ ผมมักจะตกใจเสมอเืมื่อผมได้ยินหลายต่อหลายครั้ง คำพูดนี้ ความรู้สึกของคุณ และความกตัญญู โผล่ขึ้นมา ที่ใดก็ตามที่คุณพบคำนี้ สายการบินที่รู้สึกขอบคุณ ร้านอาหารแห่งความซาบซึ้ง คาเฟ่แห่งความขอบคุณ ไวน์ที่เป็นความกตัญญู ผมแม้แต่เคยเจอกระดาษชำระในห้องน้ำ ที่มียี่ห้อชื่อ Thank You (ขอบคุณ) (เสียงหัวเราะ)
(Laughter)
There is a wave of gratefulness because people are becoming aware how important this is and how this can change our world. It can change our world in immensely important ways, because if you're grateful, you're not fearful, and if you're not fearful, you're not violent. If you're grateful, you act out of a sense of enough and not of a sense of scarcity, and you are willing to share. If you are grateful, you are enjoying the differences between people, and you are respectful to everybody, and that changes this power pyramid under which we live.
มันมีคลื่นแห่งความขอบคุณเพราะ ผู้คนเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่ามันสำคัญอย่างไร และสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร มันสามารถเปลี่ยนโลกของเราได้ ในรูปแบบที่สำคัญอย่างมหาศาล เพราะหากรู้สึกขอบคุณ คุณจะไม่ขี้กลัว และถ้าคุณไม่ขี้กลัว คุณก็ไม่ชอบใช้ความรุนแรง และหากคุณรู้สึกขอบคุณ คุณจะแสดงออกมาจากความรู้สึกว่าเพียงพอ และไม่ใช่ความรู้สึกว่าขาด และคุณจะพร้อมที่จะให้ และหากคุณรู้สึกขอบคุณ คุณจะเพลิดเพลิน กับความแตกต่างระหว่างผู้คน และคุณจะเคารพทุกคน และนั่นจะเปลี่ยนพีระมิดของอำนาจ ที่พวกเราอาศัยอยู่
And it doesn't make for equality, but it makes for equal respect, and that is the important thing. The future of the world will be a network, not a pyramid turned upside down. The revolution of which I am speaking is a nonviolent revolution, and it's so revolutionary that it even revolutionizes the very concept of a revolution, because the normal revolution is one where the power pyramid is turned upside down and those who were on the bottom are now on the top and are doing exactly the same thing that the ones before. What we need is a networking of smaller groups, smaller and smaller groups who know one another, who interact with one another, and that is a grateful world.
และมันไม่ได้ทำเพื่อความเท่าเทียม แต่ทำเพื่อความเคารพที่เท่าเทียม และนั่นคือสิ่งที่สำคัญ อนาคตของโลกจะเป็นเครือข่าย ไม่ใ่ช่ะพีระมิด ไม่ใช่พีระมิดหัวกลับ การปฏิวัติที่ผมพูดถึงนั้น เป็นปฏิวัติที่ไม่รุนแรง และมันเป็นการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ จนมันสามารถปฏิวัติ แนวคิดของการปฏิวัติได้ เพราะการปฏิวัติโดยปกติก็คือ การที่พีระมิดแห่งอำนาจถูกกลับด้าน และพวกที่เคยอยู่ข้างล่างขึ้นมาอยู่ข้างบน และกำลังทำสิ่งที่เหมือนกัน กับที่เคยทำเมื่อก่อน สิ่งที่พวกเราต้องการคือเครือข่ายของผู้คนที่กลุ่มเล็กกว่าเดิม กลุ่มที่เล็กลงและเล็กลงที่รู้จักกันและกัน ผู้ที่ติดต่อสื่อสารกัน
A grateful world is a world of joyful people. Grateful people are joyful people, and joyful people -- the more and more joyful people there are, the more and more we'll have a joyful world. We have a network for grateful living, and it has mushroomed. We couldn't understand why it mushroomed. We have an opportunity for people to light a candle when they are grateful for something. And there have been 15 million candles lit in one decade. People are becoming aware that a grateful world is a happy world, and we all have the opportunity by the simple stop, look, go, to transform the world, to make it a happy place. And that is what I hope for us, and if this has contributed a little to making you want to do the same, stop, look, go.
และนั่นคือโลกที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ โลกที่มีความขอบคุณคือโลกของผู้ที่ร่าเริง ผู้ที่รู้สึกขอบคุณคือผู้ที่ร่าเริง และผู้ที่ร่าเริง ยิ่งพวกเรามีความสุขมากขึ้นและมากขึ้นเท่าไร พวกเราก็จะมีโลกที่ร่าเริงยิ่งขึ้นเท่านั้น พวกเรามีเครือข่ายของการอยู่อย่างรู้สึกขอบคุณ และมันได้แพร่กระจายไป เราไม่สามารถเข้าใจว่าทำไมมันถึงได้แพร่กระจายไป เรามีโอกาสให้ผู้คนเพื่อจุดเทียน เมื่อพวกเขารู้สึกขอบคุณสำหรับบางอย่าง และได้มีเทียนที่ถูกจุดขึ้น 15 ล้านแท่ง ภายในหนึ่งทศวรรษ ผู้คนเริ่มตระหนักว่า โลกที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณเป็นโลกที่มีความสุข และพวกเราทุกคนมีโอกาส โดยการหยุด มอง ไปที่แสนง่าย เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงโลก เพื่อสร้างโลกที่มีความสุข และนั่นคือสิ่งที่ผมหวังสำหรับพวกเรา และหากสิ่งนี้จะมีส่วนช่วยเพียงเล็กน้อย เพื่อทำให้คุณต้องการทำแบบเดียวกัน
Thank you.
หยุด มอง ไป
(Applause)
ขอบคุณครับ