I arrived in the US from Kingston, Jamaica in the summer of '68. My family of six crammed into a small, two-bedroom apartment in a three-story walk-up in Brooklyn. The block had several children -- some spoke Spanish, some spoke English. Initially, I wasn't allowed to play with them because, as my parents said, "Them too rambunctious" --
ฉันมาถึงสหรัฐอเมริกา จาก คิงสตัน จาไมก้า ในช่วงฤดูร้อนของปี 1968 สมาชิกครอบครัวทั้ง 6 คนอัดกันอยู่ ในห้องอะพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ 2 ห้องนอน ในตึก 3 ชั้นที่ไม่มีลิฟต์ในบรูคลิน ในละแวกนั้นมีเด็กหลายคน บางคนพูดภาษาสเปน บางคนพูดภาษาอังกฤษ ตอนแรกฉันถูกห้ามไม่ไห้ไล่นกับเด็กพวกนั้น เพราะพ่อแม่ของฉันบอกว่า “เด็กพวกนั้นเล่นซนกันวุ่นวาย”
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
so I could only watch them from my window. Rollerskating was one of their favorite activities. They loved hitching a ride at the back of the city bus, letting go of the rear bumper as the bus arrived at the bottom of the block in front of my building. One day there was a new girl with them. I heard the usual squeals of laughter interspersed with, "Mira, mira! Mira, mira!" Spanish for, "Look, look!" The group grabbed onto the back of the bus at the top of the block, and as they rolled down laughing and screaming, "Mira, mira, mira, mira," the bus abruptly stopped. The experienced riders adjusted and quickly let go, but the new girl lurched back and fell onto the pavement. She didn't move.
ฉันได้แต่นั่งมองพวกเขาจากหน้าต่าง โรลเลอร์สเก็ตคือหนึ่งในกิจกรรมที่พวกเขาชอบ พวกเขาชอบนั่งที่ท้ายรถเมล์ ทำให้กันชนหลังหลุดออกมา ในเวลาที่รถหยุดตรงปลายตรอกของช่วงตึก หน้าตึกที่ฉันอาศัยอยู่ วันหนึ่งมีเด็กผู้หญิงหน้าใหม่เข้ามา ฉันได้ยินเสียงหัวเราะดังแหลม ว่า “มีร่า มีร่า! มีร่า มีร่า!" ในภาษาสเปนหมายถึง "ดู ดูสิ!" กลุ่มเด็กพากันไปดูด้านหลังรถเมล์ ที่กำลังขับอยู่หน้าช่วงตึก พวกเขาขำจนม้วนตัวลงไปนอนกับ พื้นพร้อมร้องว่า “มีร่า มีร่า มีร่า มีร่า” รถเมล์คันนั้นหยุดจอดอย่างฉับพลัน คนขับผู้มากประสบการณ์รีบลงมาซ่อมกันชน แต่เด็กผู้หญิงหน้าใหม่ กลับเซถลาและวูบลงไปกับพื้น เธอไม่ขยับตัว
The adults outside ran to help her. The bus driver came out to see what had happened and call for an ambulance. There was blood coming from her head. She didn't open her eyes. We waited for the ambulance, and waited, and everyone said, "Where is the ambulance? Where is the ambulance?" The police finally arrived. An older black American man said, "Ain't no ambulance coming." He said it again loudly to the cop. "You know ain't no ambulance coming. They never send no ambulance here." The cop looked at my neighbors who were getting frustrated, lifted the girl into the patrol car and left.
พวกผู้ใหญ่รีบวิ่งเข้ามาช่วยเธอ คนขับรถก็รีบลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น และโทรเรียกรถพยาบาล มีเลือดไหลออกมาจากศีรษะของเด็กหญิง ตาของเธอปิดสนิท พวกเราได้แต่รอรถพยาบาล ได้แต่รอ ทุกคนต่างถามหาว่า "รถพยาบาลอยู่ไหน รถพยาบาลอยู่ไหน" ในที่สุดเมื่อตำรวจก็มาถึง ชายสูงวัยผิวสีชาวอเมริกันพูดว่า “ไม่มีรถพยาบาลมาหรอก” และเขาบอกตำรวจด้วยเสียงที่ใหญ่ขึ้นอีกครั้ง "คุณรู้อยู่แล้วนี่ว่าจะไม่มีรถพยาบาลมา พวกเขาไม่เคยส่งรถพยาบาลมาที่นี่" ตำรวจมองเพื่อนบ้านของฉัน ที่กำลังหงุดหงิดมากขึ้น เด็กหญิงถูกอุ้มขึ้นรถตำรวจ และรถก็ขับออกไป
I was 10 years old at the time. I knew this wasn't right. I knew there was something more we could do. The something I could do was become a doctor. I became an internist and committed my career to caring for those we often call the underserved, the vulnerable, like those neighbors I had when I first immigrated to America.
ตอนนั้นฉันอายุได้ 10 ขวบ ฉันรู้ว่าสิ่งนี้ไม่ถูกต้อง ฉันคิดว่าฉันสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ และสิ่งนั้นก็คือการเป็นหมอ ฉันได้มาเป็นอายุรแพทย์ และอุทิศอาชีพของฉันดูแลผู้ป่วย ที่พวกเรามักเรียกว่าผู้ด้อยโอกาส ผู้ที่เปราะบาง เหมือนกับเรื่องเพื่อนบ้านที่ฉันได้เจอ เมื่อตอนอพยพเข้ามาที่อเมริกา
During my early training years in Harlem in the '80s, I saw a shocking increase in young men with HIV. Then when I moved [to] Miami, I noticed HIV included women and children, primarily, poor black and brown people. Within a few years, an infection seen in a select population became a worldwide epidemic. Again I got the urge to do something. Fortunately, with the help of activists and advocates and educators and physicians like me who treat the disease, we found a way forward. There was a massive education effort to reduce HIV transmission and provide legal protection for those with the disease. There was a political will to make sure that as many patients as possible worldwide, regardless of ability to pay, could get access to medication. Within a couple of decades there were new treatments that transformed this life-threatening infection to a chronic disease, like diabetes. Now there's a vaccine on the horizon.
ปีแรก ๆ ที่ฉันฝึกงานในฮาร์เลมช่วงปี 80 ฉันตกใจมากที่มีผู้ป่วยชายอายุน้อย ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นสูง จากนั้นฉันได้ย้ายไปที่ไมอามี่ และพบว่าเชื้อเอชไอวี ได้แพร่ไปสู่ผู้หญิงและเด็ก ส่วนมากพบในผู้ยากไร้ผิวสี ไม่กี่ปีต่อมา การติดเชื้อที่เคยพบในวงแคบ เริ่มแพร่กระจายไปตามเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก นี่เป็นอีกครั้งที่ฉันจะต้องทำอะไรบางอย่าง โชคดีมากที่เราได้รับความช่วยเหลือ จากนักเคลื่อนไหว ผู้สนับสนุน นักการศึกษา และหมอ รวมทั้งฉันที่ต้องการกำจัดโรคนี้ เราจึงพบแนวทางแก้ไขที่ก้าวหน้าขึ้น มีความพยายามทางการศึกษาขนาดใหญ่ เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อเอไอวี และให้การคุ้มครองทางกฎหมาย สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อนั้น มีเจตจำนงทางการเมืองเพื่อให้ความมั่นใจว่า แม้ผู้ป่วยหลายคนหรือผู้ป่วยทั่วโลก ไม่สามารถจ่ายค่ารักษาได้ พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับการรักษา ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา เราพบวิธีการรักษาแบบใหม่ ที่เปลี่ยนการติดเชื้อโรคร้ายแรงถึงชีวิต ให้เป็นโรคเรื้องรังแทน เช่น โรคเบาหวาน ในตอนนี้เรามีวัคซีนรักษาโรคนี้ทั่วทุกที่
Over the last five to seven years, I've noticed a different epidemic among the patients in Florida, and it looks something like this. Ms. Anna Mae, a retired clerical worker living on a fixed income in Opa-locka, walked in for medication refills. She had common chronic conditions of high blood pressure, diabetes, heart disease and asthma with overlapping chronic obstructive pulmonary disease -- COPD. Ms. Anna Mae was one of my more adherent patients, so I was surprised she needed refills of her breathing medicines earlier than usual. Towards the end of the visit, she handed me a Florida Power and Light form and asked me to sign it. She was behind on her light bill. This form allowed physicians to document serious medical conditions requiring equipment that would be impacted if the patient's electricity was disconnected. "But Ms. Anna Mae," I said, "you don't use any medical devices for breathing. I don't think you qualify." Further questioning revealed she had been using her air conditioner day and night because of the heat so she could breathe. Needing to buy more asthma inhalers left her little money; she couldn't pay all the bills so it piled up. I filled out the form, but knowing she might be denied, I also sent her to the social worker.
ตลอด 5 ถึง 7 ปีที่ผ่านมา ฉันยังได้เห็นการระบาดของโรคอื่นในฟลอริดา ซึ่งมันเหมือนกับกรณีนี้ คุณแอนนา แม เธอเกษียณจากงานพนักงานธุรการ และอาศัยเงินบำนาญอยู่ในเมืองโอปาล็อคกา เธอติดต่อมาเพื่อขอยาสำหรับผู้ป่วยเรื้อรัง เธอเป็นโรคเรื้อรังทั่วไป ทั้งความดันสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหอบหืดและ ปอดอุดกั้นเรื้อรังทับซ้อน หรือ COPD คุณแอนนา แม เธอเป็นหนึ่งในคนไข้ของฉัน ฉันค่อนข้างตกใจที่เธอต้องการขอยาช่วยหายใจ เร็วมากกว่าทุก ๆ ที หลังจากที่เราได้พบกัน เธอยื่นแบบฟอร์มของบริษัทไฟฟ้าและแสงสว่าง ของรัฐฟลอริดาให้ฉันลงชื่อ เนื่องจากเธอค้างชำระค่าไฟ แบบฟอร์มนี้คือใบขออนุญาตจากแพทย์ เพื่อยืนยันว่าเธอมีโรคประจำตัวรุนแรง และจำเป็นต้องพึ่งอุปกรณ์ช่วยชีวิต กรณีที่ค้างชำระค่าไฟ กระแสไฟฟ้าจะไม่ถูกตัด "แต่ คุณอันนา แมคะ" ฉันกล่าวไป "คุณไม่ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจ ฉันคิดว่าคุณไม่จำเป็นต้องใช้" และฉันก็ได้คำตอบกลับมาว่า เธอเปิดแอร์ตลอดทั้งวันทั้งคืน เพื่อให้ตัวเองสามารถหายใจได้ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนสูง เธอไม่มีเงินพอที่จะซื้อยาพ่นโรคหอบหืด และเธอไม่สามารถจ่ายค่าไฟ ที่ค้างมาหลายเดือนได้ ฉันจึงกรอกแบบฟอร์มนั้นไป แต่รู้ดีว่าเธออาจจะถูกปฏิเสธ ฉันเลยส่งเรื่องต่อให้นักสังคมสงเคราะห์
Then there was Jorge, such a sweet, kind man who often gifted our clinic with some of the fruits he sold on the streets of Miami. He had signs of worsening kidney function whenever he worked days on end on those hot streets due to dehydration -- just not enough blood getting to the kidneys. His kidneys worked much better whenever he took some days off. But with no other support, what could he do? As he says, "Rain or shine, cold or heat, I have to work."
เช่นเดียวกัน มีชายชื่อฆอร์เฆ เขาเป็นคนที่น่ารักและใจดี มักนำผลไม้จากร้านของเขา ที่ตั้งอยู่ตรงถนนในไมอามี มาฝากที่คลินิกเป็นประจำ เขามีอาการโรคไตที่ทรุดลง ทุกครั้งที่เขาไปทำงานตลอดทั้งวัน บนถนนที่ร้อนระอุ จึงเกิดสภาวะขาดน้ำ ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงที่ไตไม่พอ ไตของเขาสามารถทำงานได้ดีขึ้น ในวันที่เขาได้หยุดงาน เพราะไม่ได้รับการช่วยเหลืออื่น ๆ เขาจะทำอะไรได้บ้าง เขาบอกว่า “ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก ร้อนหรือหนาว ผมจำเป็นต้องทำงาน”
But the most damning case of all may be Ms. Sandra Faye Twiggs of Fort Lauderdale with COPD. She was arrested after fighting with her daughter over a fan. On her release from jail, she returned to her apartment, coughed nonstop and died three days later.
แต่กรณีที่ย่ำแย่ที่สุดเป็นของ คุณซานดรา เฟย์ ทวิกก์ส ในเมืองฟอร์ตลอเดอร์เดล กับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เธอถูกจับหลังจากทะเลาะวิวาทกับลูกสาว เพื่อพัดลมหนึ่งตัว วันที่เธอได้รับการปล่อยตัว เธอกลับไปที่อะพาร์ตเมนต์ ไอไม่หยุด และเสียชีวิตลงในสามวันต่อมา
Here's what else I noticed: the data show allergy seasons are starting weeks earlier, nighttime temperatures are rising, trees are growing faster and mosquitos carrying dangerous diseases like Zika and dengue are showing up in areas they didn't exist before.
นี่คือสิ่งที่ฉันสังเกตเห็น ข้อมูลเผยว่าโรคภูมิแพ้ตามฤดูกาล เริ่มเร็วกว่าปกติถึงหลายสัปดาห์ อุณหภูมิในเวลากลางคืนนั้นจะเพิ่มสูงขึ้น บรรดาต้นไม้โตเร็วขึ้น ทั้งยุงก็เป็นพาหะนำโรคร้ายเช่นกัน เช่นไข้ซิกาและไข้เลือดออก โรคเหล่านี้แพร่กระจายในบริเวณ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
I also see signs of impending climate gentrification. That's when richer people move into poorer neighborhoods that are at higher elevation and less subject to flood damage from climate change. Like in my patient Madame Marie who came in stressed and anxious, because she was evicted from her apartment in Miami's Little Haiti to make room for a luxury apartment complex whose developers understood that Little Haiti would not flood because it's ten feet above sea level.
ฉันยังเห็นสัญญาณการย้ายถิ่นฐานเนี่องจาก สภาพอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงเร็ว ๆ นี้ ผู้มีฐานะร่ำรวยจะย้ายเข้าไปอาศัย ในละแวกพื้นที่ด้อยพัฒนา ที่มีลักษณะเป็นพื้นที่ยกสูง และได้รับผลกระทบน้อยเมื่อเกิดน้ำท่วม จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เหมือนคนไข้อีกรายของฉัน มาดาม มารี เธอเป็นโรคเครียดและวิตกกังวล เพราะเธอถูกไล่ออกจากอะพาร์ตเมนต์ ในลิตเติลไฮติ ที่ตั้งอยู่ในเมืองไมอามี เพราะเจ้าของต้องการปรับกิจการ ให้เป็นอะพาร์ตเมนต์หรู เนื่องจากพื้นที่ในลิตเติลไฮติ ป็นพื้นที่ปลอดน้ำท่วม เพราะสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 10 ฟุต
An undeniable, clear and consistent warming trend is on the way. A health emergency even bigger than HIV/AIDS seems to be in the works, and it was my low-income patients that were dropping clues of what this would look like. This new epidemic is climate change, and it has a variety of health effects. Climate change impacts us in four major ways. Directly, through heat, extreme weather and pollution; through the spread of the disease; through disruption of our food and water supply; and through disruption of our emotional well-being. In medicine we use mnemonics to aid our memory, and this mnemonic, "heatwave," shows the eight significant health effects of climate change.
เรากำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน โดยไม่สามารถหยุดยั้งได้ นี่เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ที่ร้ายแรงกว่าเอชไอวี/เอดส์ ฉันสังเกตเห็นได้จาก เหล่าคนไข้ผู้มีรายได้ต่ำของฉัน ว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างไรต่อไป การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ เปรียบเป็นโรคระบาด ที่มีผลกระทบทางสุขภาพมากมาย สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง มีผลกระทบต่อเรา 4 ปัจจัยใหญ่ โดยตรงคือทางความร้อน ทั้งอุณหภูมิที่สูงและมลพิษ ผ่านทางการแพร่กระจายของเชื้อโรค ผ่านทางการหาอาหารและน้ำที่ยากลำบาก และตลอดจน ทำลายสภาพเป็นอยู่ทางอารมณ์ ทางแพทยศาสตร์เราจำกัดความสั้น ๆ เรียกโดยรวมว่า "ฮีตเวฟ" (heatwave) แสดงถึง 8 ผลกระทบหลักทางสุขภาพ จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
H: Heat illnesses.
H ย่อมาจาก การเจ็บป่วยที่เกิดจากความร้อน
E: Exacerbation of heart and lung disease.
E ย่อมาจาก การกำเริบของโรคหัวใจและโรคปอด
A: Asthma worsening.
A ย่อมาจาก อาการหอบหืดที่แย่ลง
T: Traumatic injuries, especially during extreme weather events.
T ย่อมาจาก อาการบาดเจ็บของบาดแผล โดยเฉพาะที่ได้รับผลกระทบ จากสภาพอากาศร้อนสูง
W: Water and foodborne illnesses.
W ย่อมาจาก โรคที่มากับอาหารและน้ำ
A: Allergies worsening.
A ย่อมาจาก อาการภูมิแพ้ที่แย่ลง
V: Vector-borne diseases spreading, like Zika, dengue and Lyme.
V ย่อมาจาก การแพร่กระจายของพาหะนำโรค เช่น ไข้ซิกา ไข้เลือดออก และโรคลายม์
And E: Emotional stresses increasing.
E ย่อมาจาก ภาวะความเครียดทางอารมณ์ที่สูงขึ้น
Poor, vulnerable people are already feeling the effects of climate change. They are the proverbial canary in a coal mine. Truly, their experiences are like oracles or prophecies. The guiding light for us to pay attention that we are doing something to our world first that's hurting them first. But in a matter of time, we are next.
คนยากไร้และเจ็บป่วยได้ง่าย เริ่มรับรู้ ถึงผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง พวกเขาเป็นเหมือน นกขมิ้นในเหมืองถ่านหิน [สัญญาณเตือนภัยอันตราย] โดยแท้จริงเลย สิ่งที่พวกเขาประสบเจอ เป็นเหมือนลางบอกเหตุ เป็นแสงไฟเตือนให้เราหันมาสนใจ ว่าเรากำลังทำอะไรบางอย่าง ที่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาก่อน และในไม่ช้าก็เร็ว เราก็ต้องเผชิญกับมันเช่นกัน
If we act together -- doctors, patients and other health professionals -- we will find solutions. We have done this with the HIV crisis. There [it] was thanks to the activism of patients with HIV that demanded medications and better research, and the collaboration of doctors and scientists that we were able to control the epidemic. And then it was thanks to international health agencies, NGOs, politicians and pharmaceutical companies that HIV medication became available in low-income countries. There is no reason we can't also apply this model of collaboration to address the health effects of climate change before it's too late.
ถ้าพวกเราร่วมมือกัน -- แพทย์ ผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ -- เราจะพบวิธีแก้ปัญหา เราเอาชนะวิกฤตเชื้อ HIV มาได้แล้ว เรารู้สึกขอบคุณการเคลื่อนไหว ของผู้ป่วยโรคเอดส์ ที่พวกเขาเรียกร้องให้มีการรักษา และการทำวิจัยโรคที่ก้าวหน้า รวมทั้งความร่วมมือ จากแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ ทำให้เราสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ ทั้งนี้เราต้องขอบคุณ หน่วยงานด้านสุขภาพระหว่างประเทศ องค์กรเอกชนเพื่อสาธารณประโยชน์ (NGOs) นักการเมือง รวมทั้งบริษัทยาต่าง ๆ ที่ทำให้มีการรักษาเชื้อเอชไอวี ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่ำ เราสามารถนำแบบอย่างความร่วมมือนี้ไปใช้กับ ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากสภาพอากาศ ที่เปลี่ยนแปลง ก่อนที่จะสายเกินแก้
Climate change is here. It's already damaging the health and homes of poor people. Like my patient Jorge, most of us will have to work, whether rain or shine, cold or heat. But together these patients and their doctors, hand-in-hand, with some basic tools, can do so much to make this climate transition less brutal for all of us.
สภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงมาหาเราแล้ว มันได้ทำลายทั้งสุขภาพ และที่อยู่อาศัยของเหล่าผู้ยากไร้ไปแล้ว เหมือนคนไข้ของฉัน ฆอร์เฆ พวกเราหลาย ๆ คนต้องทำงาน ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก หนาวหรือร้อน แต่ถ้าคนไข้และแพทย์ร่วมมือกัน ใช้เพียงเครื่องมือที่มีอยู่ ก็สามารถช่วยบรรเทาปัญหา การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้อย่างมาก เพื่อเราทุกคน
These patients inspired me to found a clinicians' organization to fight climate change. We focus on understanding the health effects of climate change, learning to advocate for patients with climate-related illnesses and encouraging real-world solutions.
คนไข้เหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจ ให้ฉันก่อตั้งองค์กรแพทย์ เพื่อรับมือกันสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เรามุ่งให้ความสำคัญกับผลกระทบทางสุขภาพ ที่เกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ให้การช่วยเหลือผู้ป่วย ที่เป็นโรคเกิดจากสภาพอากาศ และสนับสนุนวิธีแก้ปัญหาที่สามารถทำได้จริง
A recent Gallup study showed three of the most respected professions are nurses, doctors and pharmacists. So as respected members of society, we have amplified voices to influence climate change policy and politics. There is so much we can do. As clinicians, our many patient contacts allows us to see things before others. And this puts us in an ideal position to be on the frontlines of change.
ผลวิจัยล่าสุดของแกลลัปเผยว่า 3 อาชีพ ที่น่าเคารพนับถือที่สุด คือ พยาบาล แพทย์ และเภสัชกร ในฐานะผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือในสังคม พวกเรามีพลังเสียงที่จะผลักดันให้เกิด นโยบายรับรองการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ มันมีหลายอย่างที่พวกเราสามารถช่วยกันได้ ในฐานะที่ฉันเป็นแพทย์ การได้พบบรรดาผู้ป่วย ทำให้ฉันได้เห็นถึงปัญหาพวกนี้ก่อนคนอื่น ๆ และทำให้เรามีอุดมการณ์ที่จะเป็น แนวหน้าของการเปลี่ยนแปลงนี้
We can teach climate-related illnesses in our health-professional schools. We can collect data on our patients' climate-related conditions by making sure there are billing codes to identify them. We can do climate-related health research. We can teach how to have green practices in homes. We can advocate for our patient energy needs. We can help them get safer homes. We can help them get necessary equipment in those homes when conditions worsen. We can testify in front of lawmakers as to the findings, and we can medically treat our patients' climate-related illnesses. Most importantly, we can help prepare our patients mentally and physically for the health challenges they will face, using a model of medicine that incorporates economic and social justice.
เราสามารถนำเรื่องสภาพอากาศ ที่ส่งผลต่อสุขภาพไปสอนในโรงเรียนแพทย์ได้ เราสามารถเก็บข้อมูลอาการผู้ป่วย ที่มีโรคเกิดจากสภาพอากาศได้ โดยค้นหาจากรหัสที่อยู่อาศัย เราสามารถทำวิจัยเรื่องของ สภาพอากาศที่ส่งผลต่อสุขภาพได้ เราสามารถสอนการใช้ เทคโนโลยีสีเขียวในบ้านเรือน เราสามารถเป็นแรงสนับสนุน ให้กับเหล่าผู้ป่วยได้ เราช่วยให้พวกเขา มีที่อยู่อาศัยที่ดีขึ้นได้ เราสามารถส่งข้าวของเครื่องใช้ ที่จำเป็นให้พวกเขาได้ หากสภาพการเป็นอยู่ของพวกเขาแย่ลง เราสามารถนำผลการวิจัย ไปพิสูจน์ต่อหน้าผู้ร่างกฎหมาย และรักษาผู้ป่วยที่เป็น โรคเกิดจากสภาพอากาศได้ สิ่งที่สำคัญที่สุด เราสามารถช่วย ผู้ป่วยเตรียมตัวทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ให้พวกเขาพร้อมเผชิญกับอาการป่วยที่จะเผชิญ โดยใช้แบบตัวอย่างของยา ที่ได้รวมความร่วมมือจาก ทางเศรษฐกิจและความเป็นธรรมในสังคม
This would mean Ms. Sandra Faye Twiggs with COPD, who died after being released from jail after a fight with her daughter over a fan, would have known that the heat in her apartment made her sick and angry and seek a safer place to go for cooling. Even better, her apartment would never have been so hot.
นี่คงหมายถึงกรณีของคุณซานดรา เฟย์ ทวิกก์ส ที่เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เธอผู้เสียชีวิตหลังจากถูกปล่อยตัวจากคุก ในข้อหาทะเลาะวิวาทกับลูกสาวเพราะพัดลม ถ้าหากรู้ว่าความร้อนในห้องอะพาร์ตเมนต์ ทำให้ป่วยทั้งกายและจิตใจ เธอคงจะไปหาที่อาศัยที่เย็นอยู่แทน หรือหากอุณหภูมิในห้องของเธอไม่ร้อนเกินไป ทุกอย่างก็จะดีกว่านี้
From the poor, I've learned our lives are not only vulnerable but are stories of resilience, innovation and survival. Like that wise old man who loudly spoke truth to the cop that summer night: "Ain't no ambulance coming," and compelled him to deliver that little girl to the hospital instead.
จากทั้งหมดนี้ ฉันได้เรียนรู้ว่ ชีวิตคนเราไม่เพียงแต่เจ็บป่วยได้ง่าย แต่ยังมีเรื่องของความยืดหยุ่น นวัตกรรม และการอยู่รอด เหมือนกับชายสูงวัยคนนั้นที่พูดขึ้นเสียง กับตำรวจในคืนฤดูร้อนว่า "ไม่มีรถพยาบาลมาหรอก" และเขาต้องบังคับให้ตำรวจพา เด็กผู้หญิงคนนั้นไปโรงพยาบาลแทน
You know what? Listen up. If there's going to be a medical response to climate change, it is not going to be just waiting for an ambulance. It is going to happen because we the clinicians take the first step. We make so much noise that the issue cannot be ignored or misunderstood. It is going to start with the stories our patients tell and the stories we tell on their behalf. We're going to do what is right for our patients like we've always done, but also what is right for our environment, for ourselves and for all the people on this planet -- all of them.
พวกคุณรู้ไหมคะ ฟังนะ ถ้าจะมีการช่วยเหลือทางการแพทย์ ต่อเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สิ่งนั้นไม่ใช่แค่การรอรถพยาบาล มันจะเกิดขึ้นเพราะ คณะแพทย์เราเป็นผู้นำก้าวแรก เราสามารถเป็นพลังเสียงส่วนมาก ที่จะไม่ทำให้ปัญหานี้ ถูกเพิกเฉยหรือถูกเข้าใจผิด สิ่งนี้จะเกิดขึ้นด้วยเรื่องราว ที่คนไข้บอกกับเรา และเรื่องราวที่พวกเราบอกแทนพวกเขา เรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อคนไข้ เหมือนกับที่เราทำมาตลอด แต่ก็ต้องทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตัวของเราเอง และรวมทั้งเพื่อเพื่อนร่วมโลก พวกเขาทั้งหมด
Thank you.
ขอบคุณค่ะ
(Applause and cheers)
(เสียงปรบมือและเชียร์)