I started Improv Everywhere about 10 years ago when I moved to New York City with an interest in acting and comedy. Because I was new to the city, I didn't have access to a stage, so I decided to create my own in public places.
ผมเริ่ม Improv Everywhere เมื่อ 10 ปีที่แล้ว พอผมย้ายมานิวยอร์ก พร้อมความสนใจด้านการแสดงและแสดงตลก เพราะผมใหม่กับเมือง ผมไม่ได้มีเส้นสายกับทางเวทีแสดง ผมก็เลยสร้างเวทีสาธารณะซะเองเลย
So the first project we're going to take a look at is the very first No Pants Subway Ride. Now, this took place in January of 2002. And this woman is the star of the video. She doesn't know she's being filmed. She's being filmed with a hidden camera. This is on the 6 train in New York City. And this is the first stop along the line. These are two Danish guys who come in and sit down next to the hidden camera. And that's me right there in a brown coat. It's about 30 degrees outside. I'm wearing a hat. I'm wearing a scarf. And the girl's going to notice me right here.
มาเริ่มที่โปรเจคแรกกันครับ ก็คือ โน กางเกง ขึ้นรถใต้ดิน อันนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือน มกราคม ปี 2002 และผู้หญิงคนนี้เป็นดาราประจำสำหรับวิดีโอนี้ เธอไม่รู้ว่ากำลังถูกถ่ายทำอยู่ ด้วยกล้องที่เราซ่อนไว้ นี่เป็นรถไฟในนิวยอร์ก 6 สถานี และนี่เป็นสถานีแรก สองคนนี้เป็นหนุ่มเดนิช ที่นั่งข้างกล้องที่เราซ่อนไว้ และนั่นคือผมในเสื้อโค้ทสีน้ำตาล เวลานั้นอากาศ 30 องศาด้านนอก ผมใส่หมวก มีผ้าพันคอ และผู้หญิงคนนี้ก็สังเกตุเห็นว่าผมแปลกตอนนี้แหละ
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
And as you'll see now, I'm not wearing pants.
และอย่างที่คุณเห็น ผมไม่ได้ใส่กางเกง
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
At this point -- at this point she's noticed me, but in New York there's weirdos on any given train car. One person's not that unusual. She goes back to reading her book, which is unfortunately titled "Rape."
ถึงจุดนี้ เธอก็เห็นความแปลกของผมละครับ แต่ในรถและรถไฟสาธารณะของนิวยอร์กมักมีพวกประหลาดอยู่แล้ว ดังนั้นมีคนนึงคงไม่แปลกเท่าไหร่ เธอก้มอ่านหนังสือต่อไป ซึ่งบังเอิญหัวข้อชื่อ "ข่มขืน"
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
So she's noticed the unusual thing, but she's gone back to her normal life.
ก็คือเธอสังเกตุสิ่งแปลกๆ แต่พยายามทำตัวตามปกติต่อไป
Now, in the meantime, I have six friends who are waiting at the next six consecutive stops in their underwear as well. They're going to be entering this car one by one. We'll act as though we don't know each other. And we'll act as if it's just an unfortunate mistake we've made, forgetting our pants on this cold January day.
ในเวลาต่อมา ผมมีเพื่อน 6 คน ที่รออยู่ตามสถานีต่างๆ ใน ชุดชั้นในเหมือนกัน แล้วจะค่อยๆทยอยกันขึ้นรถที่ละคน พวกเราทำเหมือนไม่รูัจักกัน และพวกเราทำเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ ที่ลืมใส่กางเกงในวันอากาศหนาวของเดือนมกรา
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
(Laughter continues)
So at this point, she decides to put the rape book away.
ในตอนนี้ เธอตัดสินใจเอาหนังสือที่อ่านเก็บ
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
And she decides to be a little bit more aware of her surroundings. In the meantime, the two Danish guys to the left of the camera, they're cracking up. They think this is the funniest thing they've ever seen before. And watch her make eye contact with them right about now.
และตัดสินใจเริ่มสังเกตุรอบๆ ตัวเธอมากขึ้น ในเวลาต่อมา หนุ่มเดนิช 2 คน ด้านซ้ายของกล้อง แยกตัวออกจากกัน พวกเขาคิดว่านี้เป็นอะไรที่ขำที่สุดที่เคยเห็นมา แล้วดูุคุณผู้หญิงเขาส่งสายตากับพวกเขาซิครับ
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
And I love that moment in this video, because before it became a shared experience, it was something that was maybe a little bit scary, or something that was at least confusing to her. And then, once it became a shared experience, it was funny and something that she could laugh at.
ผมชอบช่วงนี้ของวิดีโอจังครับ เพราะก่อนหน้าการแชร์ประสบการณ์นี้ มันเป็นสิ่งที่ อาจจะรู้สึกกลัวๆ หรือบางอย่างที่ทำเธอสับสน และจนถึงตอนแชร์ประสบการณ์ มันตลกและเป็นสิ่งที่เธอหัวเราะได้
So the train is now pulling into the third stop along the 6 line.
และรถไฟก็มาถึง จุดจอดที่3 จากหก
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
So the video won't show everything. This goes on for another four stops. A total of seven guys enter anonymously in their underwear. At the eighth stop, a girl came in with a giant duffel bag and announced she had pants for sale for a dollar -- like you might sell batteries or candy on the train. We all very matter-of-factly bought a pair of pants, put them on and said, "Thank you. That's exactly what I needed today," and then exited without revealing what had happened and went in all different directions.
วิดีโอไม่ได้แสดงทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นนะครับ วิดีโอนี้ยังมีต่ออีก 4 สถานี รวมทั้งหมดเป็น 7 คนจากไหนไม่รู้ที่ใส่ กกน ขึ้นรถ ถึงจุดจอดที่ 8 ผู้หญิงคนนึงก็เข้ามาพร้อมกับถุงใบใหญ่ และประกาศว่ามีกางเกงราคา 1 ดอลลาร์มาขาย เหมือนกับที่เห็นขายแบตเตอรี่กับขนมบนรถไฟแหละครับ พวกเราซื้อกางเกงคนละตัว แล้วใส่ พูดว่า "ขอบคุณครับ เป็นสิ่งที่ต้องการสำหรับวันนี้อยู่พอดีเลย" จากนั้น ไม่ทันที่จะเฉลยว่าเกิดอะไรขึ้น เราก็ออก และต่างไปกันคนละทิศ
(Applause)
(เสียงปรบมือ)
Thank you.
ขอบคุณครับ
So that's a still from the video there. And I love that girl's reaction so much. And watching that videotape later that day inspired me to keep doing what I do. And really one of the points of Improv Everywhere is to cause a scene in a public place that is a positive experience for other people. It's a prank, but it's a prank that gives somebody a great story to tell. And her reaction inspired me to do a second annual No Pants Subway Ride. And we've continued to do it every year. This January, we did the 10th annual No Pants Subway Ride where a diverse group of 3,500 people rode the train in their underwear in New York -- almost every single train line in the city. And also in 50 other cities around the world, people participated.
หยุดวิดีโอที่ตรงนั้น แล้วก็ชอบปฏิกริยาของผู้หญิงคนนี้มากด้วย ผมดูวิดีโอเทปนั้นในวันเดียวกัน มันให้แรงบันดาลใจผมทำต่อไป และนั่นเป็นหนึ่งในจุดประสงค์ของ Improv Everywhere คือทำให้บรรยากาศที่สาธารณะ ที่เป็นประสบการณ์ดีๆให้กับคนอื่นๆ มันเป็นการแกล้ง แต่แกล้งแบบที่คนจะมีเรื่องดีๆไปเล่าต่อ และปฏิกริยาของผู้หญิงคนนี้กระตุ้น ให้ผมทำ โน กางเกง ขึ้นรถไฟ ครั้งที่สอง แล้วเราก็ทำต่อเนื่องทุกปีครับ และในมกรานี้ เราทำเป้นครั้งที่ 10 แล้วครับ ซึ่ง คนมากมายกว่า 3500คน จะสวมชั้นในขึ้นรถไฟใต้ดินในเมืองนิวยอร์ก รถไฟเกือบทุกสายในเมือง และอีกกว่า 50 เมืองทั่วโลก ก็ร่วมด้วย
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
As I started taking improv class at the Upright Citizens Brigade Theater and meeting other creative people and other performers and comedians, I started amassing a mailing list of people who wanted to do these types of projects. So I could do more large-scale projects. Well, one day I was walking through Union Square, and I saw this building, which had just been built in 2005. There was a girl in one of the windows and she was dancing. It was very peculiar, because it was dark out, but she was backlit with florescent lighting. She was very much onstage and I couldn't figure out why she was doing it. After about 15 seconds, her friend appeared -- she had been hiding behind a display. They laughed, hugged each other and ran away. Maybe she had been dared to do this. So I got inspired by that. Looking at the entire facade -- there were 70 total windows -- and I knew what I had to do.
ผมได้เริ่มชั้นเรียน อิมโพรฟ ที่โรงละคร Upright Citizens Brigade และได้พบเหล่าผู้สร้างสรรค์ นักแสดง และเหล่าตลกอีกมากมาย ผมเริ่มรวบรวมเมล์ ของคนที่อยากมีส่วนร่วมกับโปรแจคแนวนี้ นั้นทำให้ผมสามารถสร้างโปรเจคที่ใหญ่ขึ้นได้ วันหนึ่งผมเดินผ่าน Union Square แล้วเห็นตึกนี้ ซึ่งเพิ่งสร้างเมื่อ 2005 แล้วผมก็เห็นเด็กผู้หญิงตรงหน้าต่างหนึ่ง กำลังเต้นอยู่ ผมว่ามันเป็นไรที่พิเศษมาก เป็นเพราะว่ามันมืด เลยเห็นเธอเป็นเงาดำ สว่างด้านหลังด้วยหลอดไฟ ท่าทางเธอเจนเวทีเสียด้วย แต่ผมก็คิดไม่ออกว่าทำไมเธอทำแบบนั้น หลังจากนั้น 15 วิ เพื่อนเธอก็โผล่มา เธอหลบอยู่หลังห้องโชว์นี่เอง พวกเขาหัวเราะ กอดกันแล้วก็วิ่งหายไป เหมือนกับว่าเธอแค่อยากจะเต้นเท่านั้นแหละ นั่นเลยดลใจผม รองดูที่หน้าตึกทั้งหมด มีหน้าต่างกว่า 70 บาน ผมรู้แล้วละว่าจะทำอะไร
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
So this project is called Look Up More. We had 70 actors dress in black. This was completely unauthorized. We didn't let the stores know we were coming. And I stood in the park giving signals. The first signal was for everybody to hold up these four-foot tall letters that spelled out "Look Up More," the name of the project. The second signal was for everybody to do jumping jacks together. You'll see that start right here.
โปรเจคนี้เรียกว่า "Look Up More" เรามีนักแสดง 70 คน ใส่ชุดสีดำ อันนี้เราไม่ได้ขออนุญาตไว้เลยครับ เราไม่ได้บอกทางห้างว่าเราจะมา ผมยืนในสวนเพื่อให้สัญญาณ สัญญาณแรกสำหรับทุกคนให้ถือป้ายขนาดใหญ่นั่น เขียนว่า "Look Up More" ซึ่งเป็นชื่อของโปรเจค สัญญาณที่สองคือให้ทุกคนกระโดดพร้อมกัน อย่างที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
And then we had dancing. We had everyone dance. And then we had dance solos where only one person would dance and everybody would point to them.
แล้วก็มีช่วงเต้น ซึ่งเราให้ทุกคนเต้น แล้วก็มีช่วงโชว์เดี่ยวที่จะต้องเต้นที่ละคน ส่วนคนอื่นที่ไม่เต้นก็ชี้ไปทางคนเต้น
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
So then I gave a new hand signal, which signaled the next soloist down below in Forever 21, and he danced. There were several other activities. We had people jumping up and down, people dropping to the ground. And I was standing just anonymously in a sweatshirt, putting my hand on and off of a trashcan to signal the advancement. And because it was in Union Square Park, right by a subway station, there were hundreds of people by the end who stopped and looked up and watched what we were doing. There's a better photo of it.
พอผมให้สัญญาณอีกครั้ง ซึ่งคนเต้นเดี๋ยวคนต่อไปด้านล่าง "Forever 21"นั่น ก็เริ่มเต้น ยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย พวกเรากระโดดขึ้นลง คนหกล้มกลางสนาม แล้วก็ผมยืนในเสื้อสเว็ตเตอร์ เอามือเข้าๆออกๆถังขยะ เพื่อนส่งสัญญาณที่ไกล แล้วเป็นเพราะอยู่ที่สวน Union Square ข้างๆ สถานีรถไฟใต้ดิน ทำให้มีคนเป็นร้อยๆหยุด ยืนมองขึ้นบนตึก ดูว่าพวกเราทำอะไร นี่เป็นรูปที่ดีที่สุด
So that particular event was inspired by a moment that I happened to stumble upon. The next project I want to show was given to me in an email from a stranger. A high school kid in Texas wrote me in 2006 and said, "You should get as many people as possible to put on blue polo shirts and khaki pants and go into a Best Buy and stand around."
กิจกรรมนี้ สร้างแรงบันดาลใจชั่วขณะ ที่ผมไปสะดุดเจอเข้า โปรเจคต่อไปที่ผมจะโชว์ ได้ไอเดียจากคนแปลกหน้าที่ส่งเมลล์หาผม เป็นเด็ก ม.ปลายในเท็กซัสเขียนถึงผม ในปี 2006 ความว่า "คุณน่าจะรวมคนให้ได้มากที่สุด ใส่เสื้อโปโลสีฟ้า และกางเกงกากี แล้วเข้าไปยืนเฉยๆในร้าน Best Buy"
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
(Applause)
(เสียงปรบมือ)
So I wrote this high school kid back immediately and I said, "Yes, you are correct. I think I'll try to do that this weekend. Thank you." So here's the video.
ผมตอบกลับจดหมายของเด็กคนนี้ทันที ว่า "ใช่ เธอพูดถูก ฉันคิดว่าจะพยายามทำในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ขอบคุณ" และนี่เป็นวิดีโอครับ
So again, this is 2005. This is the Best Buy in New York City. We had about 80 people show up to participate, entering one by one. There was an eight-year-old girl, a 10-year-old girl. There was also a 65-year-old man who participated. So a very diverse group of people.
อีกครั้ง นี่ปี 2005 นี่เป็น Best Buy ใน นิวยอร์ก เรามีอาสาสมัครกว่า 80 คนร่วมในงานนี้ ค่อยๆเข้ามาทีละคน มีทั้งเด็ก 8 ขวบ 10 ขวบ จนถึงคุณปู่อายุ 65 ที่มาร่วมด้วย
(Laughter)
คนมากมายหลากหลาย
And I told people, "Don't work. Don't actually do work. But also, don't shop. Just stand around and don't face products." Now you can see the regular employees by the ones that have the yellow tags on their shirt. Everybody else is one of our actors.
ผมบอกเขาว่า "ไม่ต้องทำงาน อย่าทำตัวเป็นพนักงาน และก็ อย่าซื้อด้วย แค่ยืนกระจายไปรอบๆ อย่ายืนหันหาสินค้า" คุณจะเห็นพนักงานปกติ คนนึงที่ติดป้ายชื่อสีเหลืองบนเสื้อ นอกนั้นเป็นคนของเราหมด
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
The lower-level employees thought it was very funny. Several of them went to go get their camera from the break room and took photos with us. A lot of them made jokes about trying to get us to go to the back to get heavy television sets for customers. The managers and the security guards, on the other hand, did not find it particularly funny. You can see them in this footage. They're wearing either a yellow shirt or a black shirt. And we were there probably 10 minutes before the managers decided to dial 911.
พนักงานหลายคนเห็นว่าเป็นเรื่องตลก ความจริงแล้ว หลายคนไปหยิบกล้องจากห้องพักเขาออกมา แล้วถ่ายรูปพวกเรา หลายคนแซวเราให้ไปด้านหลัง ไปยกทีวีหนักๆให้ลุกค้า แต่ผู้จักการกับยามซิ ไม่ค่อยจะขำด้วยเท่าไหร่ คุณจะเห็นพวกเขาในส่วนนี้ พวกเขาจะใส่เสื้อเหลืองไม่ก็ดำ พวกเราอยู่ในนั้นได้ประมาณ 10 นาที ก่อนที่ผู้จัดการจะกด 911
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
So they started running around telling everybody the cops were coming, "Watch out, the cops are coming." And you can see the cops in this footage right here. That's a cop wearing black right there, being filmed with a hidden camera. Ultimately, the police had to inform Best Buy management that it was not, in fact, illegal to wear a blue polo shirt and khaki pants.
พวกเขาเริ่มวิ่งไปทั่ว บอกทุกคนว่าตำรวจกำลังมา ให้ระวัง แล้วตำรวจก็มา คุณจะเห็นตำรวจอยู่ตรงนี้ครับ ใส่ชุดสีดำตรงนี้ เราถ่ายทำด้วยกล้องที่ซ่อนไว้ครับ จากนั้นตำรวจก็รายงานผู้จัดการร้าน Best Buy ว่า มันไม่ผิดกฎหมาย ที่จะใส่เสื้อสีฟ้ากับกางเกงสีกากี
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
(Applause)
(เสียงปรบมือ)
Thank you.
ขอบคุณครับ
(Applause)
(เสียงปรบมือ)
So we had been there for 20 minutes; we were happy to exit the store. One thing the managers were trying to do was to track down our cameras. And they caught a couple of my guys who had hidden cameras in duffel bags. But the one camera guy they never caught was the guy that went in just with a blank tape and went over to the Best Buy camera department and just put his tape in one of their cameras and pretended to shop. So I like that concept of using their own technology against them.
เราอยู่ที่นั่นประมาณ 20 นาที แล้วเราก็ยินดีที่จะออกจากร้าน สิ่งหนึ่งที่ผู้จัดการพยายามทำคือ หากล้องที่เราถ่ายทำ แล้วก็จับคนของผมได้สองคนที่ซ่อนกล้องไว้ในกระเป๋ายักษ์ แต่มีคนนึงที่เขาจับไม่ได้ คือคนที่เข้าไปแล้วมีแต่เทปเปล่า แล้วเดินไปทั่ว Best Buy โซนกล้อง แล้วใส่เทปลงในกล้องของร้าน แกล้งทำเป็นช้อปปื้ง ผมชอบไอเดียเรื่องใช้เทคนิคของเขาเพื่อให้เป็นประโยชน์กับตัวเรา
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
I think our best projects are ones that are site-specific and happen at a particular place for a reason. And one morning, I was riding the subway. I had to make a transfer at the 53rd St. stop where there are these two giant escalators. And it's a very depressing place to be in the morning, it's very crowded. So I decided to try and stage something that could make it as happy as possible for one morning. So this was in the winter of 2009 -- 8:30 in the morning. It's morning rush hour. It's very cold outside. People are coming in from Queens, transferring from the E train to the 6 train. And they're going up these giant escalators on their way to their jobs.
ผมคิดว่าโปรเจคที่ดีที่สุดคืออันที่เห็นชัด และเกิดขึ้นในสถานที่จำเพราะด้วยเหตุผลหนึ่ง และเช้าวันหนึ่ง ผมขับรถไปสถานีรถใต้ดิน ต้องเปลี่ยนสายที่ ถนน53 หยุด ตรงบันไดเลื่อนยักษ์ สองตัว มันเป็นที่ที่เครียดมากในช่วยเวลาเช้า เพราะคนเยอะมากครับ ผมเลยตัดสินใจทำบางอย่างขึ้น เพื่อทำให้เช้าแต่ละวันมีความสุขขึ้นได้ นี่เป็นหน้าหนาวปี2009 ตอนแปดโมงเช้า เป้นเวลาเร่งรีบเลย ข้างนอกหนาวมาก ผู้คนมาจาก ควีนส์ เปลี่ยนรถจากสายอี ไปที่ ซิกส์เทรน แล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนยักษ์นี่ เพื่อไปทำงาน
[Rob wants] [to give you]
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
[a high five!]
(Laughter)
[Get ready!]
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
(Applause)
(เสียงปรบมือ)
Thank you. So there's a photograph that illustrates it a little bit better. He gave 2,000 high fives that day, and he washed his hands before and afterward and did not get sick. And that was done also without permission, although no one seemed to care.
ขอบคุณครับ อันนี้เป็นภาพที่ดูดีขึ้นมาหน่อย เขาได้ ไฮไฟ 2000ครั้งในวันนั้น เขาล่างมือก่อนและหลังเป็นอย่างดี และไม่ได้ป่วยอะไร และนั่นก็ทำโดยไม่ได้ขออนุญาตอีกแล้ว แต่ไม่มีใครสนเท่าไหร่
So I'd say over the years, one of the most common criticisms I see of Improv Everywhere left anonymously on YouTube comments is: "These people have too much time on their hands." And you know, not everybody's going to like everything you do, and I've certainly developed a thick skin thanks to Internet comments, but that one's always bothered me, because we don't have too much time on our hands. The participants in Improv Everywhere events have just as much leisure time as any other New Yorkers, they just occasionally choose to spend it in an unusual way.
หลายปีมานี้ เสียงวิจารณ์ส่วนใหญ่ของ Improv Everywhere ที่ทิ้งคอมเม้นท์ไว้ใน YouTube คือ: "คนพวกนี้มีเวลาว่างเกินนะเนี่ย" และคุณก็คงรู้ว่า ไม่มีใครที่เขาชอบทุกอย่างที่คุณทำหรอก ในขณะเดียวกันผมก็ได้คอมเม้นท์ทางเน็ตขอบคุณอันหนาเตอะเช่นกัน แต่สิ่งหนึ่งที่กวนใจผมคือ เราไม่ได้เป็นพวกว่างจัดนะครับ ผู้ร่วมโครงการ Improv Everywhere ต่างๆ ก็มีเวลาว่างพอๆกับชาวนิวยอร์กคนอื่นๆนั่นแหละ เพียงแต่พวกเขาเลือกใช้เวลา ว่าง ทำอะไรต่างจากคนอื่น
You know, every Saturday and Sunday, hundreds of thousands of people each fall gather in football stadiums to watch games. And I've never seen anybody comment, looking at a football game, "All those people in the stands, they have too much time on their hands." And of course they don't. It's a perfectly wonderful way to spent a weekend afternoon, watching a football game in a stadium. But I think it's also a perfectly valid way to spend an afternoon freezing in place with 200 people in the Grand Central terminal or dressing up like a ghostbuster and running through the New York Public Library.
ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ คนกว่าร้อยพัน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง กรูไปที่สนามกีฬาเพื่อดูการแข่งต่างๆ แต่ผมก็ไม่เห็นใครวิจารณ์ การไปดูเกมส์การแข่ง ว่า "คนบนแสตนเชียร์พวกนั้นเนี่ยท่าจะว่างจัด" เลย และแน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ว่างจัด มันไอเดียเพอร์เฟ็คที่จะใช้เวลาบ่ายของวันหยุด ดูฟุตบอลที่สนามกีฬา แต่ผมก็คิดว่ามันก็ดีเหมือนกัน ที่จะใช้เวลาช่วงบ่ายหนาวๆ ในที่ที่มีคน 200คน อย่างใน สถานี Grand Central หรือแต่งตัวเป็น Ghostbuster แล้ววิ่งไปทั่วห้องสมุดกลางนิวยอร์ก
(Laughter)
(เสียงหัวเราะ)
Or listening to the same MP3 as 3,000 other people and dancing silently in a park, or bursting into song in a grocery store as part of a spontaneous musical, or diving into the ocean in Coney Island wearing formal attire.
หรือฟังเครื่องเล่น MP3 ร่วมกับคนอีก 3000 คน แล้วเต้นรำเงียบๆในสวนสาธารณะ หรือแหกปากร้องเพลงกลางห้าง แบบละครเพลงมิวสิคเคิล หรือดำน้ำทั้งชุดเต็มยศในทะเลของเกาะ Coney Island
(Laughter)
อย่างที่เรารู้ว่า ตอนเด็กเราถูกสอนให้เล่น
You know, as kids, we're taught to play. And we're never given a reason why we should play. It's just acceptable that play is a good thing. And I think that's sort of the point of Improv Everywhere. It's that there is no point and that there doesn't have to be a point. We don't need a reason. As long as it's fun and it seems like it's going to be a funny idea and it seems like the people who witness it will also have a fun time, then that's enough for us. And I think, as adults, we need to learn that there's no right or wrong way to play.
แล้วก็ไม่เคยได้รับเหตุผลว่าเราเล่นไปทำไม มันเป็นที่ยอมรับว่าการเล่นเป็นสิ่งดี และผมคิดว่าจุดประสงค์ของ Improv Everywhere ก็คือไม่มีจุดหมายอะไร แล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีด้วย พวกเราไม่ต้องการเหตุผล ตราบเท่าที่มันสนุก และตราบใดที่มันเป็นความคิดตลกๆ และสิ่งที่ทำเหมือนเป็นสิ่งที่คนพบเห็นได้มีช่วงเวลาความสุข มันก็พอแล้วสำหรับเรา และผมก็คิดว่า ผู้ใหญ่อย่างเราควรเรียนรู้ ว่ามันไม่มีคำว่า ผิด หรือ ถูก ในการเล่น ขอบคุณมากครับ
Thank you very much.
(เสียงปรบมือ)
(Applause)